ตำนานการใช้งาน "if statement" ในเส้นทางแห่งการเขียนโปรแกรม
-----------------------------------------------------
ศิลปะแห่งการตัดสินใจเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และไม่ต่างกันในโลกของการเขียนโปรแกรม เมื่อเรารู้จัก 'IF' ประโยคสวย ๆ ที่ทำให้โปรแกรมของเรามีชีวิตชีวาไม่น้อยไปกว่ามหากาพย์ ทุกรัฐศาสตร์ทั้งหลายอาศัย 'IF' — ถ้าฉันกดปุ่มนี้ โค้ดทำงานตามนั้น; ถ้าค่านี้ผิด, โปรแกรมจะตอบสนองอย่างไร; สมมติถ้าเงื่อนไขนี้เป็นจริง, พวกเราจะไปต่ออย่างไร? 'IF' หรือตัวคุณแห่งการตัดสินใจนั้นสำคัญยิ่งในทุกภาษาการเขียนโปรแกรม และในวันนี้ เราจะพาทุกท่านท่องไปในโลกของ 'if statement' ผ่านตัวอักษรของภาษา Perl ที่ทรงพลัง
If Statement ในภาษา Perl — ตัวแปรทางหลวงแห่งตรรกะ
-------------------------------------------------
ในภาษา Perl, 'if statement' ใช้เพื่อการตรวจสอบเงื่อนไขที่เป็นจริงหรือเท็จแล้วตัดสินใจดำเนินการกระทำตามที่กำหนดไว้ โครงสร้างพื้นฐานเป็นดังนี้:
if (เงื่อนไข) {
# รหัสทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
} else {
# รหัสทำงานเมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ
}
การทำความเข้าใจในการใช้งาน 'if statement' ใน Perl เป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่จดจำหลักการคือ โค้ดที่อยู่ในบรรทัดรหัสถัดจากเงื่อนไข if จะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อเงื่อนไขนั้นถือเป็นจริง (TRUE) เท่านั้น!
ตัวอย่างที่ 1: การตรวจสอบคุณสมบัติการลงทะเบียน
-------------------------------------------------
สมมติว่าคุณเป็นผู้พัฒนาระบบลงทะเบียนของเว็บไซต์ และต้องการตรวจสอบว่าผู้ใช้มีอายุมากกว่า 18 ปีหรือไม่
my $age = 20;
if ($age > 18) {
print "คุณพร้อมที่จะลงทะเบียน!";
} else {
print "ขออภัย, คุณต้องมีอายุมากกว่า 18 ปี.";
}
ในตัวอย่างนี้, หากตัวแปร $age มีค่ามากกว่า 18, ข้อความ "คุณพร้อมที่จะลงทะเบียน!" จะถูกพิมพ์ออกมา ถ้าไม่ใช่, ข้อความ "ขออภัย, คุณต้องมีอายุมากกว่า 18 ปี." จะแสดงแทน
ตัวอย่างที่ 2: การชำระเงินผ่านแอพมือถือ
------------------------------------------------
คิดภาพใหญ่ในสถานการณ์ของแอพมือถือที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถชำระเงินผ่านการสแกน QR Code แต่การชำระเงินดังกล่าวต้องมีเงินในบัญชีมากกว่าจำนวนที่จะชำระเท่านั้น
my $account_balance = 1500;
my $payment_amount = 1000;
if ($account_balance >= $payment_amount) {
print "การชำระเงินเสร็จสมบูรณ์!";
$account_balance -= $payment_amount; # ลบจำนวนเงินที่ชำระออกจากยอดคงเหลือ
} else {
print "ยอดเงินในบัญชีของคุณไม่เพียงพอ.";
}
จากตัวอย่าง, หากยอดเงินในบัญชีมีมากกว่าหรือเท่ากับจำนวนเงินที่ต้องการชำระ, ข้อความที่แจ้งว่าการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์จะถูกแสดง และจำนวนเงินในบัญชีจะถูกปรับปรุง ในทางตรงกันข้าม ถ้าเงินไม่พอ, ผู้ใช้จะได้รับแจ้งผ่านข้อความเตือน
โลกของการเขียนโปรแกรมนั้นเต็มไปด้วยโอกาสที่จะใช้ 'if statement' จากการตัดสินใจง่ายๆ ถึงการควบคุมการทำงานของโปรแกรมให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น และที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เราเชื่อมั่นในการสอนการเขียนโปรแกรมอย่างมีหลักการ ด้วยการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งนั้น ผู้เรียนจะสามารถนำ 'if statement' ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมืออาชีพ
สนใจที่จะเป็นผู้ควบคุมจักรวาลการเขียนโปรแกรมด้วยตัวของคุณเองหรือไม่? มาเรียนรู้การใช้ 'if statement' และศาสตร์อื่นๆ ในโลกการเขียนโปรแกรมกับเราที่ EPT กันเถอะ แล้วคุณจะพบว่า โลกแห่งการเขียนโปรแกรมนั้นง่ายดายกว่าที่คิด!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: if_statement perl programming decision_making conditional_statement control_flow programming_language coding code_example programming_logic
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM