การเขียนโปรแกรมแบบวัตถุ-นำ (Object-Oriented Programming - OOP) เป็นพื้นฐานของการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สำคัญในหลากหลายภาษาการเขียนโปรแกรม ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึงการประยุกต์ใช้ OOP ในภาษา JavaScript เมื่อเทียบกับ Java ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกออกแบบมาให้สนับสนุน OOP อย่างเต็มรูปแบบ
ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง JavaScript และ Java ในเรื่องของ OOP มาทบทวนคุณลักษณะ 4 อย่างที่เป็นหัวใจสำคัญของ OOP กันก่อน:
1. Encapsulation: การบรรจุข้อมูลและฟังก์ชันที่ทำงานกับข้อมูลนั้นๆ เข้าด้วยกันในออบเจ็กต์ 2. Abstraction: การซ่อนรายละเอียดการทำงานภายใน แสดงเฉพาะ interface หรือวิธีการใช้งานที่จำเป็นต่อผู้ใช้ 3. Inheritance: ความสามารถที่ออบเจ็กต์หนึ่งสามารถสืบทอดคุณสมบัติต่างๆ จากออบเจ็กต์อื่น 4. Polymorphism: ความสามารถของออบเจ็กต์ที่จะถูกใช้งานในหลายรูปแบบ
1. โครงสร้างและการออกแบบ
JavaScript
:- ภาษาแบบ interpreted ที่มีโครงสร้างแบบ dynamic และ loosely typed
- ใช้ prototype-based inheritance ซึ่งออบเจ็กต์สามารถสืบทอดคุณสมบัติโดยตรงจากออบเจ็กต์อื่น
- ES6 เพิ่มเติมคีย์เวิร์ด `class` แต่จริงๆ แล้วมันเป็น "syntactic sugar" ที่ยังคงใช้ prototype ภายใน
Java
:- ภาษาแบบ compiled ที่มีโครงสร้างแบบ static และ strictly typed
- ใช้ class-based inheritance ที่การสืบทอดคุณสมบัติเกิดจากการกำหนดคลาสพื้นฐาน (base class) แล้วคลาสอื่นๆ จะ "extends" จากคลาสนั้น
2. Encapsulation
JavaScript
:- สามารถพบกับปัญหาในการจัดการตัวแปร เนื่องจากการเข้าถึงตัวแปรสามารถเกิดขึ้นได้จากทุกที่ (ถึงแม้ล่าสุดจะมีการใช้ `let`, `const`, และ `class` เพิ่มความสามารถในการ encapsulate ข้อมูล)
Java
:- มีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวดผ่านการใช้ modifiers เช่น `private`, `public`, `protected`
3. Inheritance
JavaScript
:- อนุญาตให้ทำ inheritance ผ่าน prototype chain
- ไม่มี interface หรือ abstract class ที่ชัดเจนเหมือนใน Java
Java
:- ใช้ class inheritance และรองรับการ implement หลาย interfaces
- มี abstract classes ที่ใช้เป็นพื้นฐานสำหรับคลาสอื่นๆ
4. Polymorphism
JavaScript
:- Duck typing หมายความว่า หากมี method และ properties ตรงกับการเรียกใช้ ก็สามารถถือว่าเป็น instance ของ type นั้นๆ (ทำให้ทุกอย่างใน JavaScript ค่อนข้างเป็น polymorphic ได้ง่าย)
Java
:- ต้องประกาศชนิดข้อมูลอย่างชัดเจน และมีการตรวจสอบชนิดข้อมูลขณะ compile (ช่วยในการจัดการ polymorphism อย่างมีระเบียบมากขึ้น)
มาดูตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการใช้ OOP ในทั้งสองภาษา เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น:
JavaScript:
class Vehicle {
constructor(name) {
this.name = name;
}
start() {
console.log(this.name + ' engine started');
}
}
class Car extends Vehicle {
start() {
super.start(); // Call the start method from Vehicle
console.log(this.name + ' is ready to go!');
}
}
let myCar = new Car('Toyota');
myCar.start();
Java:
public class Vehicle {
private String name;
public Vehicle(String name) {
this.name = name;
}
public void start() {
System.out.println(this.name + " engine started");
}
}
public class Car extends Vehicle {
public Car(String name) {
super(name);
}
@Override
public void start() {
super.start(); // Call the start method from Vehicle
System.out.println(this.name + " is ready to go!");
}
}
public static void main(String[] args) {
Vehicle myCar = new Car("Toyota");
myCar.start();
}
จากตัวอย่างโค้ดด้านบน เราสามารถเห็นถึงการแสดงออกของ OOP ในทั้งสองภาษา ซึ่งแม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่การประยุกต์และหลังบ้านนั้นต่างกันอย่างมาก การที่ JavaScript นำเสนอความยืดหยุ่นในการจัดการกับโครงสร้างวัตถุและสืบทอดคุณสมบัติอาจทำให้โปรแกรมเมอร์ที่ชื่นชอบความอิสระในการเขียนโค้ดหลงใหล ในขณะที่ Java มีระเบียบวินัยในการกำหนดโครงสร้างที่เป็นเสมือนกรอบในการพัฒนาซึ่งเหมาะกับโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่และทีมที่มีหลายคนทำงานร่วมกัน
การเรียนรู้การเขียนโค้ด OOP ใน JavaScript และ Java จะเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกันมาก และที่ Expert-Programming-Tutor เรามีหลักสูตรเฉพาะทางที่จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้งโดยไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางในความซับซ้อนของการเขียนแบบ OOP ร่วมเดินทางสู่โลกการเขียนโปรแกรมที่น่าทึ่งไปกับเรา และเปลี่ยนโอกาสในวันนี้ให้กลายเป็นทักษะเชี่ยวชาญของคุณในวันข้างหน้าได้เลย!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: javascript oop java programming_language object-oriented_programming encapsulation abstraction inheritance polymorphism prototype-based_inheritance class-based_inheritance modifiers prototype_chain duck_typing syntax
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com