ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลถือเป็นหัวใจหลักแห่งการดำเนินธุรกิจและงานวิจัย การจัดการฐานข้อมูลถือเป็นกระดูกสันหลังที่สำคัญยิ่ง ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ด้วยเหตุนี้ หลักการ ACID จึงได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นหลักการที่ออกแบบมาสำหรับระบบฐานข้อมูลเพื่อรับประกันว่าการทำธุรกรรมข้อมูลนั้นปลอดภัย ถูกต้อง และเชื่อถือได้
หลักการ ACID ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก ได้แก่:
1. Atomicity (ความเป็นอะตอม) – หมายถึงการทำธุรกรรมที่ต้องเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งไม่สมบูรณ์ ทั้งหมดจะถูกยกเลิกไป - ใช้สำหรับทำ transaction นั้นเอง
2. Consistency (ความสม่ำเสมอ) – หมายถึงภายหลังการทำธุรกรรม ข้อมูลในฐานข้อมูลต้องถูกต้องและสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทั้งตัว Database เอง ไม่ใช่มีการเปลี่ยนแปลงแค่บางส่วนเท่านั้น
3. Isolation (การแยกสถานภาพ) – หมายถึงแต่ละธุรกรรมต้องถูกจัดการแยกต่างหากเพื่อไม่ให้มีการกระทบกัน การกระทำหนึ่งจะไม่กระทบต่อส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง
4. Durability (ความคงทน) – หมายถึงข้อมูลที่ได้จากการทำธุรกรรมแล้วจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ถาวรแม้เกิดข้อผิดพลาดอื่นๆ เช่น การหยุดการทำงานของระบบ
ต่อไปนี้จะเป็นการยกตัวอย่างสถานการณ์ที่แต่ละหลักการ ACID แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการปฏิบัติงานจริง:
สมมติว่าคุณกำลังถอนเงินจากตู้ ATM คำสั่งจะเกี่ยวข้องกับสองธุรกรรมหลัก คือ การลดเงินในบัญชี และการจ่ายเงินสดออกมา ATM จะต้องดำเนินการทั้งสองอย่างนี้เป็นหนึ่งธุรกรรมเดียวที่ "ไม่แบ่งจาก" หากมีการถอนเงินจากบัญชีสำเร็จ แต่การให้เงินสดนั้นล้มเหลว เงินในบัญชีของคุณควรถูกคืนกลับ นี่คือหลักของ Atomicity ที่ทำให้ธุรกรรมเป็นไปในลักษณะ "ทั้งหมดหรือไม่เลย".
หากธนาคารมีกฎว่าบัญชีทุกบัญชีควรมีเงินขั้นต่ำ 100 บาท แล้วการทำธุรกรรมใดๆ จะต้องไม่ทำให้จำนวนเงินในบัญชีต่ำกว่านั้น ความสม่ำเสมอดังกล่าวจะต้องถูกคงไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมถึงการหักหรือเพิ่มเงินในบัญชี.
ลองนึกภาพสถานการณ์ที่มีผู้ใช้สองคนพยายามโอนเงินในเวลาเดียวกัน หากธุรกรรมทั้งสองสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของกันและกันอยู่เรื่อยๆ อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ดังนั้น หลักการแยกสถานภาพจะทำให้ธุรกรรมหนึ่งไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากธุรกรรมอื่นจนกว่าจะเสร็จสมบูรณ์
ถ้าหลังจากที่คุณฝากเงินไปยังธนาคารและการทำธุรกรรมนั้นถูกยืนยันแล้ว ทุกสิ่งควรถูกบันทึกลงในฐานข้อมูล เมื่อฐานข้อมูลดังกล่าวมีความคงทน แม้แต่ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ไฟฟ้าดับหรือระบบล่ม ข้อมูลนั้นควรยังคงอยู่
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ ACID ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณเห็นภาพการทำงานในโลกจริงของฐานข้อมูลระดับองค์กร แต่ยังเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาด้านการเขียนโปรแกรมและการจัดการฐานข้อมูล
ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เราขอเชิญชวนให้คุณผู้อ่านที่สนใจในการเรียนรู้และพัฒนาความรู้ทางโปรแกรมมิ่ง มาสัมผัสกับภาษาโปรแกรมมิ่งและการจัดการฐานข้อมูลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านหลักการ ACID ด้วยตนเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีพื้นฐานมาบ้าง เราพร้อมเป็นผู้นำทางด้านความรู้ด้วยหลักสูตรที่มีคุณภาพ และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะแบ่งปันและนำพาคุณไปสู่สายงานไอทีที่มั่นคง สนใจเรียนรู้การโปรแกรมมิ่งติดต่อเราได้ที่ EPT วันนี้.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM