Bug ในทางการเขียนโปรแกรม: มันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และเราจะใช้มันอย่างไร
การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมไม่ได้แตกต่างจากการสร้างบ้านหรือทำอาหารมากนัก บางครั้งเราอาจทำตามสูตรหรือแบบแผนที่วางไว้แล้วก็ตาม แต่การเผชิญกับ "Bug" หรือข้อผิดพลาดในโปรแกรมนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามาเรียนรู้กันว่า Bug คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และเราจะใช้ประสบการณ์จาก Bug ได้อย่างไรบ้างในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ดีขึ้น
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังสร้างตึกจากชุดต่อบล็อกของเด็ก ๆ คุณอาจมีแบบแผนที่จะตาม หากคุณวางบล็อกผิดที่หรือวางไม่ตรงตามแผน ตึกของคุณอาจเสียรูปเล็กน้อยหรือแม้กระทั่งล้มลง ในโลกของการเขียนโปรแกรม, Bug คือ "ข้อผิดพลาด" ในโค้ดที่ทำให้โปรแกรมไม่ทำงานอย่างที่เราตั้งใจไว้
Bug สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดพลาดในการพิมพ์ (typos), ข้อผิดพลาดในการตีความความต้องการของระบบ, หรือแม้แต่ความไม่เข้าใจระหว่างนักพัฒนาเกี่ยวกับวิธีการทำงานของระบบควรเป็นอย่างไร
แม้ว่า Bug จะเป็นเรื่องที่นักพัฒนาต้องกำจัด แต่การแก้ไขบั๊กก็มีประโยชน์ในตัวเอง เพราะการแก้ไขมันช่วยพัฒนาโปรแกรมให้แข็งแกร่งขึ้น และช่วยให้นักพัฒนาเรียนรู้เกี่ยวกับความซับซ้อนหรือจุดอ่อนที่อาจไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
เมื่อมีการพบ Bug และทำการแก้ไข นั่นหมายถึงโอกาสในการปรับปรุงคุณภาพของโปรแกรมให้ดียิ่งขึ้น บ่อยครั้งที่จากการแก้ไข Bug, ตัวโปรแกรมจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนักพัฒนาได้เรียนรู้วิธีป้องกันไม่ให้ Bug ประเภทเดียวกันเกิดขึ้นในอนาคต
ในการตรวจจับและแก้ไข Bug, นักพัฒนาจะใช้กลวิธีหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการทดสอบ (testing) การวิเคราะห์โค้ด (code review), และการปรับใช้เครื่องมือสำหรับตรวจสอบอัตโนมัติ เพื่อค้นหาและแก้ไข Bug จุดสำคัญคือการมองหาสัญญาณที่บ่งบอกถึงแหล่งที่มาของปัญหาและใช้ทักษะการแก้ไขปัญหาเพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด
การเขียนโปรแกรมเป็นกระบวนการที่ต้องการความอดทนและความเข้าใจ นักพัฒนาที่ดีจะเรียนรู้จาก Bug และใช้ความรู้นั้นเพื่อสร้างโปรแกรมที่มีคุณภาพและคงทนต่อเวลา
สมมติว่าคุณเป็นนักพัฒนาระบบจำลองการขายของออนไลน์ คุณตรวจสอบระบบและพบว่าคำนวณราคาค่าจัดส่งไม่ถูกต้องเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าเกินหนึ่งรายการ นี่คือตัวอย่างของ Bug สมมติเรามีภาษาโปรแกรมดังนี้:
# ฟังก์ชันที่คำนวณค่าจัดส่ง
def calculate_shipping(items_count, item_price):
base_shipping = 50
if items_count > 1:
return base_shipping + (items_count * item_price * 0.1)
else:
return base_shipping
# ผลลัพธ์ค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง
shipping_cost = calculate_shipping(2, 100)
print(shipping_cost) # ผลลัพธ์ควรจะเป็น 70 แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็น 70.0
ถึงแม้ว่าตัวเลขที่ได้จะไม่ผิดมาก แต่ Bug นี้ก็ทำให้ค่าจัดส่งออกมาเป็นจำนวนเต็มไม่ได้ การแก้ไขปัญหานี้อาจเริ่มต้นด้วยการทบทวนโค้ดให้ถี่ถ้วน, เขียนการทดสอบเพื่อจำลองสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง และปรับการคำนวณให้ถูกต้อง
# ฟังก์ชันที่อัพเดทเพื่อคำนวณค่าจัดส่งที่แก้ไขแล้ว
def calculate_shipping(items_count, item_price):
base_shipping = 50
if items_count > 1:
# แก้ไขโดยการใช้ฟังก์ชัน round เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็ม
return round(base_shipping + (items_count * item_price * 0.1))
else:
return base_shipping
# ยืนยันการแก้ไข
shipping_cost = calculate_shipping(2, 100)
print(shipping_cost) # ผลลัพธ์ที่ถูกต้องควรจะเป็น 70
ในการฝึกเขียนโปรแกรมที่ EPT เราให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากการแก้ไข Bug นักศึกษาจะได้รับการฝึกในการประยุกต์ความรู้ด้านการทดสอบ การปรับปรุงโค้ด และการใช้งานเครื่องมือการพัฒนาแบบมืออาชีพ เพื่อเตรียมพร้อมให้กับโลกการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความท้าทายสูง
การเข้าใจ Bug ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสามารถสร้างโปรแกรมที่มีคุณภาพดีขึ้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหาแบบรอบคอบ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่นักพัฒนาทุกคนควรมี ต่อการศึกษาและการทำงานในโลกของเทคโนโลยีข้อมูลในปัจจุบันและอนาคต.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM