nested if-else คืออะไร การใช้งาน nested if-else ในภาษา C แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

การเขียนโปรแกรมไม่ได้เพียงแค่การโยนคำสั่งที่ซับซ้อนลงบนเทอมินัลแล้วหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราต้องการ เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง และวันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงหนึ่งในหลักการโปรแกรมมิ่งพื้นฐานที่มีความสำคัญ นั้นก็คือ 'nested if-else' ในภาษา C กันค่ะ

Nested if-else เป็นการใช้งานโครงสร้างการควบคุมแบบ if-else ในรูปแบบที่ตัดสินใจซ้อนกัน กล่าวคือ เราสามารถมี if-else ภายในอีก if-else หนึ่ง ทำให้สามารถดำเนินการตรวจสอบเงื่อนไขได้หลายชั้น ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบเงื่อนไขในแอปพลิเคชันสามารถทำได้ในระดับที่ซับซ้อนมากขึ้น

ตัวอย่างคำสั่ง nested if-else ในภาษา C สามารถเขียนได้ตามนี้:

if (condition1) {
    if (condition2) {
        // ทำอะไรบางอย่างเมื่อ condition1 และ condition2 เป็น true
    } else {
        // ทำอะไรบางอย่างเมื่อ condition1 เป็น true แต่ condition2 เป็น false
    }
} else {
    // ทำอะไรบางอย่างเมื่อ condition1 เป็น false
}

ต่อไป เราจะใช้โครงสร้างการควบคุมนี้เพื่อแสดงตัวอย่าง usecase ในโลกจริง:

ตัวอย่างที่ 1: ระบบตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้งาน

สมมติว่าเรากำลังเขียนโปรแกรมสำหรับระบบที่ต้องการตรวจสอบว่าผู้ใช้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวหรือไม่ และเช็คระดับการเข้าถึง

bool isAuthenticated = true;
int userPermissionLevel = 1; // 0 = none, 1 = read-only, 2 = read/write

if (isAuthenticated) {
    if (userPermissionLevel == 0) {
        printf("Access denied.\n");
    } else if (userPermissionLevel == 1) {
        printf("Read-only access granted.\n");
    } else if (userPermissionLevel == 2) {
        printf("Read and write access granted.\n");
    }
} else {
    printf("User is not authenticated.\n");
}

ตัวอย่างที่ 2: การจัดระดับคะแนนสอบ

ระบบการจัดระดับคะแนนสอบ โดยปกติแล้วจะมีเงื่อนไขหลายชั้นที่ใช้ในการตัดสินใจว่าคะแนนนั้นๆ ตกเป็นระดับไหน

int score = 85;

if (score >= 80) {
    if (score >= 90) {
        printf("Grade A\n");
    } else {
        printf("Grade B\n");
    }
} else {
    if (score >= 70) {
        printf("Grade C\n");
    } else if (score >= 60) {
        printf("Grade D\n");
    } else {
        printf("Grade F\n");
    }
}

ในทั้งสองตัวอย่างข้างต้น การใช้ nested if-else ช่วยให้เราสามารถจัดการกับโลจิกที่ซับซ้อนได้ดีขึ้น เนื่องจากเราสามารถตรวจสอบเงื่อนไขในแต่ละระดับเพื่อจะให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน

การเรียนรู้โครงสร้างการควบคุมเหล่านี้ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักศึกษาหรือผู้ที่สนใจในการเขียนโปรแกรม เนื่องจากจะช่วยในการเข้าใจลำดับความคิดของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้อย่างดี ณ Expert-Programming-Tutor (EPT) เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณมีความสามารถในการเขียนโปรแกรมอย่างมืออาชีพ โดยการเสริมสร้างความเข้าใจในหลักการและแนวคิดพื้นฐานเช่นนี้ เพื่อการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นการเดินทางนี้กับเราที่ EPT แล้วหรือยังคะ?

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง