สวัสดีครับผู้อ่านที่รักทุกท่าน! ในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจในโลกของการเขียนโปรแกรม นั่นก็คือ "ฟังก์ชัน set และ get และคอนเซ็ปต์ OOP" ในภาษา C ซึ่งเป็นภาษาที่มีความยังค์แกร่ง และเป็นรากฐานสำคัญของภาษาโปรแกรมมิ่งสมัยใหม่หลายภาษา ตั้งแต่ C++, Java จนถึง Python เลยทีเดียว แต่ก่อนที่เราจะลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ เรามาทำความเข้าใจก่อนว่า set และ get function และ OOP concept คืออะไร และทำไมมันถึงมีความสำคัญในการเขียนโปรแกรม
ในการเขียนโปรแกรมแบบเชิงวัตถุหรือ Object-Oriented Programming (OOP), เรามักจะใช้ฟังก์ชัน set และ get เพื่อการจัดการข้อมูลสมาชิกของคลาส (class) หรือสถานะ (state) ของวัตถุ (object) ที่เราสร้างขึ้นมา
- ฟังก์ชัน set: ใช้สำหรับกำหนดค่าให้แก่ตัวแปร private ภายในคลาส - ฟังก์ชัน get: ใช้สำหรับอ่านค่าจากตัวแปร private นั้นการใช้ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยในการหลีกเลี่ยงการเข้าถึงตัวแปรโดยตรงจากภายนอกคลาสซึ่งเป็นหลักการสำคัญของ OOP ที่เรียกว่า Encapsulation หรือการปกปิดข้อมูล ด้วยการใช้ set และ get function จะช่วยให้เราสามารถควบคุมการเข้าถึงและการแก้ไขค่าต่างๆ ได้อย่างมีระเบียบเพิ่มมากขึ้น
OOP หรือ Object-Oriented Programming เป็นวิธีการเขียนโปรแกรมที่เน้นการสร้างและการใช้งาน "วัตถุ" (objects) ซึ่งแทนการทำงานและคุณสมบัติของสิ่งที่เราต้องการจำลองในโปรแกรมของเรา มันมี 4 คอนเซ็ปต์หลักๆ ดังนี้:
1. Encapsulation: การรวมข้อมูลและเมธอดที่ทำงานกับข้อมูลนั้นภายใน object เดียวกัน 2. Abstraction: การซ่อนรายละเอียดที่ซับซ้อนของการทำงาน ปล่อยเฉพาะ interface หรือวิธีการใช้งานที่จำเป็นออกมา 3. Inheritance: การสร้างคลาสใหม่บนพื้นฐานของคลาสที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องเขียนโค้ดซ้ำ 4. Polymorphism: การที่วัตถุย่อย (sub-objects) สามารถถูกจัดการเหมือนวัตถุหลัก (super-objects) ทำให้โค้ดที่ใช้งานง่ายขึ้นอย่างไรก็ตาม ท่านสามารถศึกษาเกี่ยวกับ OOP และการทำงานของมันได้ในคอร์สการเรียนที่ Expert-Programming-Tutor (EPT) ซึ่งมีหลักสูตรเจาะลึกสำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นเซียนโปรแกรมมิ่ง
ภาษา C โดยธรรมชาติไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการเขียนโปรแกรมแบบเชิงวัตถุโดยตรง แต่นักพัฒนาสามารถจำลองคอนเซ็ปต์ OOP โดยใช้โครงสร้าง (structs) และฟังก์ชัน มาดูตัวอย่างโค้ดกันครับ:
#include
// ประกาศโครงสร้าง Person ที่จะทำหน้าที่เหมือน class ใน OOP
typedef struct {
char name[100];
int age;
} Person;
// Function prototypes
void setAge(Person* p, int age);
int getAge(Person* p);
// Function definitions
void setAge(Person* p, int age) {
if (age > 0) { // Check for valid age
p->age = age;
}
}
int getAge(Person* p) {
return p->age;
}
int main() {
Person person;
setAge(&person, 30);
printf("Age is: %d\n", getAge(&person));
return 0;
}
ในตัวอย่างนี้ เราได้สร้างโครงสร้างชื่อว่า `Person` ที่มีตัวแปรสองตัวคือ `name` และ `age` ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกับตัวแปรสมาชิกในคลาสของ OOP และสองฟังก์ชัน `setAge` และ `getAge` ที่ทำงานเหมือนกับเมธอดในคลาสเช่นกัน
ลองนึกถึงการพัฒนาโปรแกรมสำหรับบริหารจัดการพนักงานในบริษัท โดยคุณอาจจะมีโครงสร้าง `Employee` ที่มีข้อมูลเช่น ชื่อ, ตำแหน่ง, และเงินเดือน ซึ่งการใช้ set และ get function จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับข้อมูลนั้นได้โดยไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดการทำงานของโครงสร้างนั้นโดยตรง ช่วยให้โค้ดมีความปลอดภัยมากขึ้น
ตัวอย่างที่สองคือการพัฒนาระบบสำหรับยานพาหนะ คุณอาจจะมีโครงสร้าง `Vehicle` ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อ, รุ่น, และความเร็วสูงสุด เซตเตอร์และเก็ตเตอร์จะช่วยให้คุณตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย เช่น ห้ามให้ความเร็วสูงสุดเกินกฎหมายที่เจาะจง
ในการเริ่มต้นหรือต้องการปูพื้นฐานให้แข่งแกร่งในการเรียนรู้การเขียนโปรแกรม หรือวิธีการประยุกต์ใช้ OOP ในภาษา C และภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ ที่เจาะจง อย่าลืมว่าที่ EPT พร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักพัฒนา หรือผู้ที่รักในการเรียนรู้ทางด้านนี้ พร้อมกับทีมงานและผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยส่งเสริมนำพาทุกคนไปสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีคุณภาพ มุ่งมั่น และสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาร่วมพัฒนาโลกของเราในอนาคตครับ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM