เคยสงสัยไหมว่าการค้นหาข้อมูลในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างรวดเร็วเพียงใด? ไม่ว่าจะเป็นเมื่อคุณค้นหาชื่อเพื่อนใน Facebook, หรือค้นหาไฟล์ที่ต้องการในคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือ ใน Database เบื้องหลังของความปราดเปรียวนี้คือโครงสร้างข้อมูลชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า "Hash Tables" นั่นเอง ซึ่งใช้ทำ Index ใน Database ด้วย อาจจะไม่ใช่ในโดนตรงแต่ใช้ความคิดตรงนี้ไปประยุกติ์ได้
Hash Table เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ใช้วิธีการ "hashing" เพื่อเก็บคู่ของ key และ value ไว้ ผ่านปฏิบัติการเรียกว่า hash function จะนำ key ที่เราให้มาแปลงเป็น index ของ array ซึ่งเราสามารถใช้ index นี้เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างโครงสร้าง Hash Table:
| Index | Key | Value |
|-------|-----|-------|
| 0 | 101 | John |
| 1 | 102 | Mary |
| 2 | 103 | Sam |
ในตัวอย่างนี้, เราใช้หมายเลข 101, 102, และ 103 เป็น keys สำหรับการเก็บข้อมูลดังกล่าว
วิธีทำงานของ Hash Function:
ยกตัวอย่างเช่น, ถ้าเรามีข้อมูลกุญแจ (`key`) เป็นเลข `103` และเราต้องการค้นหา `Value` ที่ตรงกัน จะทำการส่ง `key` ไปผ่าน `hash function` ที่จะทำการสร้าง `index` ออกมา เช่น 2 ทำให้เราสามารถเข้าถึง Value คือ 'Sam' ได้ทันทีโดยใช้ index นี้เข้าถึงข้อมูลใน array
1. ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล (Access Time)
Hash Tables มีข้อดีคือความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพราะข้อมูลทุกชิ้นจะถูกบันทึก position ไว้ใน memory ทำให้การค้นหามีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นตัวกำหนดความเร็วในแอพพลิเคชันขนาดใหญ่
2. การจัดการข้อมูล (Data Management)
Hash Tables ช่วยให้การจัดการข้อมูลทำได้ง่ายดาย ตั้งแต่การเพิ่ม (Insertion), การลบ (Deletion), ไปจนถึงการค้นหา (Search) ข้อมูล
3. Collision Resolution
ในระหว่างการใช้ Hash Table, อาจเกิดกรณีที่ more than one key ถูก hash เหมือนกัน - ที่เรียกว่า "collision". มีเทคนิคต่างๆ เช่น separate chaining หรือ open addressing ที่เป็นเทคนิคในการจัดการ collisions ใน Hash Tables
คำนึงถึงภาษาการเขียนโปรแกรมที่เป็นที่นิยมอย่าง Python, โครงสร้างข้อมูลที่เรียกว่า `dictionary` ใน Python จริงๆแล้วก็คือการใช้ Hash Tables ในการทำงาน
# สร้าง dictionary ใน Python
person = {
"name": "Alice",
"age": 25,
"city": "Bangkok"
}
# เข้าถึงข้อมูลโดยใช้ key 'name'
print(person["name"]) # Output: Alice
ตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นว่าการค้นหาข้อมูล "Alice" ใช้เวลาที่รวดเร็วเพราะ `dictionary` หรือ `hash table` ใช้ key ในการอ้างถึงข้อมูล, ไม่จำเป็นต้องค้นหาทีละ entry อย่างที่เราทำใน list หรือ array
การเข้าใจในการทำงานของ Hash Tables เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และในสถานการณ์การจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน Hash Tables เป็นเครื่องมือที่ไม่อาจขาดไปได้
เมื่อเริ่มเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ Hash Tables อย่างถูกต้อง การเขียนโปรแกรมของคุณจะก้าวสู่อีกระดับที่ทั้งมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การเรียนวงจรการพัฒนาโปรแกรมไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการประยุกต์ใช้และการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง สำหรับผู้ที่มีความสนใจและต้องการเข้าถึงความเข้าใจลึกถึงโครงสร้างข้อมูลชนิดนี้ อย่าลืมใช้โอกาสนี้เพิ่มศักยภาพเพื่อเติมเต็มทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณให้มีความเข้มข้นและครบถ้วนยิ่งขึ้น ไม่มีสถานที่ใดจะดีไปกว่าการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์เหมือนกับที่นี่, ที่เป็นอีกหนึ่งบ้านของการเรียนรู้ทางด้านโปรแกรมมิ่งที่คุณสามารถไว้วางใจได้.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: hash_tables โครงสร้างข้อมูล การเขียนโปรแกรม hashing hash_function dictionary python ข้อมูล การจัดการข้อมูล ความรวดเร็ว collision_resolution data_management ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล การทำงานของ_hash_tables
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com