เงื่อนไงของการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ในปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อนและต้องการความยืดหยุ่นสูง ผู้พัฒนาจึงต้องคิดค้นวิธีการที่จะช่วยให้กระบวนการพัฒนาเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายดายโดยไม่ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นของระบบ หนึ่งในรูปแบบการออกแบบที่ได้รับความนิยมและสามารถตอบโจทย์ได้ดีคือ Model-View-Controller (MVC) ซึ่งเป็นรูปแบบที่สำคัญในการสร้างส่วนต่อประสานผู้ใช้ (User Interface - UI) ให้มีความเป็นระเบียบและสามารถจัดการได้ง่ายขึ้น
MVC ถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1979 ที่ Xerox PARC โดย Trygve Reenskaug ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานบนเดสก์ท็อป Smalltalk รูปแบบ MVC ได้แบ่งส่วนประกอบของแอปพลิเคชันออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Model, View และ Controller โดยแต่ละส่วนมีหน้าที่ที่ชัดเจนและสามารถทำงานแยกกันได้
การทำงานของ MVC สามารถอธิบายเป็นขั้นตอนได้ดังนี้: เมื่อผู้ใช้ต้องการเกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน (เช่นการคลิกปุ่ม) Controller จะรับ input นั้นและอาจจะคำร้องข้อมูลจาก Model, Model จะประมวลคำร้องและส่งค่ากลับให้ Controller, หลังจากนั้น Controller อาจจะกำหนดให้ View แสดงผลตามข้อมูลที่ได้มา ทำให้ผู้ใช้เห็นการเปลี่ยนแปลงบนส่วนต่อประสาน
การใช้ MVC นั้นต้องมีการออกแบบที่ดีตั้งแต่แรก เพื่อให้แน่ใจว่าการแบ่งส่วนประกอบนั้นชัดเจนและไม่ได้ทำให้เกิดความสับสน ตัวอย่างเช่น การที่ผู้พัฒนาอาจจะใส่ logic บางอย่างลงไปใน View อาจทำให้ View ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะทางของมันอย่างสมบูรณ์และการทำงานของแอปพลิเคชันอาจจะเกิดความสับสน นอกจากนี้ MVC อาจทำให้โค้ดซับซ้อนขึ้นถ้าการใช้งานไม่ถูกต้อง
ในโลกของการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันหนึ่งในกรณีที่ปรากฏชัดเจนที่สุดของการใช้งาน MVC คือการทำงานของเฟรมเวิร์คเช่น Ruby on Rails, Django หรือ Spring ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ออกแบบมาให้มีการแบ่งส่วนของ MVC อย่างชัดเจน
# Django ตัวอย่างโค้ด Model
from django.db import models
class Article(models.Model):
title = models.CharField(max_length=100)
content = models.TextField()
# Django ตัวอย่างโค้ด View
from django.shortcuts import render
from .models import Article
def article_detail(request, article_id):
article = Article.objects.get(id=article_id)
return render(request, 'article_detail.html', {'article': article})
ในตัวอย่างโค้ดข้างต้น เราเห็นการแบ่งแยกชัดเจนระหว่าง Model ที่จัดการกับข้อมูลบทความ และ View ที่รับค่า `article_id` เพื่อแสดงบทความนั้นๆ
การเข้าใจวิธีการออกแบบระบบเช่น MVC นั้นมีความสำคัญต่อผู้ที่ต้องการก้าวเข้าสู่โลกของการพัฒนาระบบเนื่องจากช่วยส่งเสริมหลักการที่ดีในการเขียนโค้ดที่สะอาด และช่วยแยกแยะระหว่างกลไกการทำงานต่างๆ ซึ่งที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) เรามีหลักสูตรที่จะสอดคล้องการสอนทั้งหลักการและการปฏิบัติผ่านโปรเจกต์จริง นักศึกษาจะได้รับความรู้ผ่านการเรียนรู้วิธีการใช้ MVC ในการพัฒนาแอปพลิเคชันทั้งในด้านฝั่งเซิร์ฟเวอร์และฝั่งไคลเอนต์ ด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ MVC ผู้เรียนก็จะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการขับเคลื่อนและนำไปสู่การพัฒนาระบบที่มีคุณภาพ
การเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบการออกแบบเช่น MVC นี้ถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะพานักพัฒนาทุกคนไปสู่เป้าหมายไม่เพียงแต่ในการได้งานที่ดี แต่ยังช่วยให้พวกเขาพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทรงผลตอบแทนและสามารถรับมือกับความท้าทายของโลกเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่งได้เป็นอย่างดี
หากคุณสนใจที่จะนำพาความสามารถด้านการพัฒนาระบบของคุณไปสู่ระดับต่อไป อย่าลังเลที่จะเริ่มต้นกับ EPT ที่จะเป็นพันธมิตรก้าวหน้าของคุณในโลกการเขียนโปรแกรม!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: model-view-controller mvc การออกแบบระบบ user_interface ประกอบของ_mvc โค้ด_django การใช้_mvc หลักการที่ดีในการเขียนโค้ด การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน การเรียนรู้โปรแกรมมิ่ง ept หลักสูตรการเรียนรู้ หนึ่งในก้าวสำคัญ โลกการเขียนโปรแกรม ความสามารถด้านการพัฒนาระบบ
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com