ในโลกแห่งการเขียนโปรแกรมนั้นมีภาษาหลายประเภทที่ถูกจัดแบ่งให้อยู่ภายใต้หลายมิติ หนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้เรียนโปรแกรมมิ่งมือใหม่อาจสงสัยคือ "ภาษาโปรแกรมที่เป็น Static Typed กับ Dynamic Typed มีความแตกต่างกันอย่างไร?" บทความนี้สมมุติว่าคุณกำลังเดินทางผ่านทุ่งหญ้าของความรู้ และเราจะค่อยๆ ชี้นำให้คุณได้เห็นภาพและเข้าใจความแตกต่างดังกล่าวอย่างชัดเจนเพื่อตัดสินใจเลือกภาษาเหมาะสมกับการเรียนและการพัฒนาโปรเจคืของคุณ
เริ่มที่ Static Typed Programming Languages หมายความว่า ในภาษาเหล่านี้ ทุกตัวแปรที่ใช้จะต้องมีการประกาศชนิดของข้อมูล (Data Type) อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนที่จะมีการคอมไพล์ (Compile) โค้ดนั้นๆ เช่นภาษา C, Java, หรือ Swift ซึ่งหมายความว่า Compiler จะตรวจจับข้อผิดพลาดเกี่ยวกับชนิดของข้อมูลได้ง่ายขึ้นก่อนที่โปรแกรมจะถูกเรียกใช้จริง
ตัวอย่างโค้ดในภาษา Java:
int a = 10;
a = "สวัสดี"; // Compiler Error: incompatible types
ในตัวอย่างนี้ เราได้ประกาศตัวแปรชื่อ `a` พร้อมกับกำหนดให้เป็นชนิด int (ตัวเลขจำนวนเต็ม) ถ้าคุณพยายามกำหนดค่าที่ไม่ใช่เลขจำนวนเต็มให้กับ `a` โปรแกรมจะไม่คอมไพล์และจะแจ้งให้เรารู้ถึงข้อผิดพลาด
การใช้ภาษาที่เป็น Static Typing สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ในเรื่องของการจัดการหน่วยความจำและความสามารถในการทำนายพฤติกรรมของโค้ดเมื่อโปรแกรมทำงาน ซึ่งช่วยลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดในระหว่างการรันโปรแกรมได้ดี
อีกด้านหนึ่งของสเปกตรัมคือ Dynamic Typed Programming Languages ซึ่งในภาษาประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องระบุชนิดของข้อมูลแต่อย่างใด — ระบบจะเป็นคนตรวจจับเอาเองว่า ควรจะเก็บข้อมูลประเภทใดเมื่อโค้ดนั้นถูกทำงาน ตัวอย่างของภาษาประเภทนี้ ได้แก่ Python, Ruby, และ JavaScript
ตัวอย่างโค้ดในภาษา Python:
a = 10
a = "สวัสดี" # ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เนื่องจากระบบจะพิจารณาชนิดของข้อมูลเอง
Dynamic Typing มอบความอิสระให้กับนักพัฒนามากขึ้น อนุญาตให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชนิดของข้อมูลได้ตามเหมาะสม และส่งผลให้ลดรายละเอียดการเขียนโค้ดลงได้ ทั้งนี้ก็อ้างอิงตามบริบทหรือการใช้งานจริง
การเลือกใช้ภาษาที่เป็น Static Typing หรือด Dynamic Typing มีข้อดีข้อเสียที่น่าสนใจ สำหรับ Static Typing ข้อดีคือ มีความเข้มงวดในการจัดการกับข้อมูลทำให้ง่ายต่อการจัดการความผิดพลาดของข้อมูลและมักจะมีประสิทธิภาพที่สูงในระหว่างการทำงาน แต่ข้อเสียคือ อาจทำให้การเขียนโค้ดนั้นทำได้ช้าลงเนื่องจากจำเป็นต้องระบุชนิดข้อมูลของตัวแปรอย่างต่อเนื่องและในรายละเอียดที่มากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม Dynamic Typing มอบความยืดหยุ่นในการเขียนโค้ด เนื่องจากไม่จำเป็นต้องกำหนดชนิดข้อมูลล่วงหน้า ข้อดีคือสามารถเขียนโค้ดได้อย่างรวดเร็วและมีความสามารถในการยืดหยุ่นสูง แต่ข้อเสียคือ อาจพบกับข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลได้ง่ายขึ้นในขณะที่โปรแกรมกำลังทำงาน
เลือกภาษาโปรแกรมที่เหมาะกับความต้องการของงานและความสนใจของตัวคุณเอง ไม่เพียงแต่ทักษะในการเขียนโค้ดเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความเข้าใจในประเภทของภาษาที่คุณกำลังจะเรียนรู้ สมมติว่าคุณเป็นนักพัฒนาที่ชอบความท้าทายและความเคร่งครัดในการควบคุมชนิดข้อมูล Static Typed Languages อาจเหมาะกับคุณ มิหนำซ้ำ ถ้าคุณชอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว Dynamic Typed Languages อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การเรียนรู้โปรแกรมมิ่งนั้นเป็นการลงทุนเวลาที่คุ้มค่า ไม่ใช่แค่ประตูสู่โอกาสในอาชีพ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่แข็งแกร่งในการแก้ไขปัญหาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ หากคุณสนใจที่จะพัฒนาทักษะการเขียนโค้ดและดำดิ่งลงไปในวงการเทคโนโลยี การได้เริ่มต้นที่ EPT อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดี คิดถึงการศึกษาโปรแกรมมิ่งเหมือนกับการปลูกต้นไม้ เราอาจไม่ได้เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่ด้วยการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้นั้นจะเติบโตและผลิตผลออกได้ในที่สุด
คุณอาจมองหาการฝึกฝนที่มีคุณภาพและมีความเฉพาะเจาะจง ที่เราที่ EPT พร้อมที่จะเสนอให้ ทุกขั้นตอนของการเรียนรู้มีค่า และเราก็พร้อมที่จะเดินทางไปกับคุณ สิ่งสำคัญคือจิตใจที่เปิดกว้างและความตั้งใจที่จะเรียนรู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นภาษา Static หรือ Dynamic Typed Languages สิ่งที่คุณได้ทำคือการสร้างภาษาใหม่ที่คุณสามารถใช้จินตนาการและสร้างสรรค์มูลค่าใหม่ให้กับโลกได้
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM