หนึ่งในจุดเด่นที่สําคัญของ Node.js คือ ความสามารถในการใช้ JavaScript เขียนทั้งฝั่งเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์ได้ด้วยกัน
นี่หมายความว่า เมื่อเขียน API Backend ด้วย Node.js แล้ว สามารถนํา Data นั้นมาใช้ต่อยอดทําเว็บหรือแอปพลิเคชันฝั่ง Client โดยใช้ JavaScript Framework เดียวกันได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาแปลงข้อมูลหรือเรียนรู้ภาษาใหม่
ยกตัวอย่างเช่น:
// Backend API with Node.js
app.get('/users', (req, res) => {
// fetch and return users data
})
// Frontend code with React
function App() {
const [users, setUsers] = useState([])
useEffect(() => {
// call Node.js API
fetchUsers().then(users => setUsers(users))
}, [])
return (
{/* Render UI */}
)
}
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า โค้ดทั้งสองส่วนใช้ JavaScript ร่วมกัน ทําให้ง่ายต่อการส่งผ่านและใช้ข้อมูลระหว่าง Server กับ Client
นอกจากนี้ เนื่องจากใช้ภาษาเดียวกัน จึงสามารถใช้ทรัพยากรบุคคลได้อย่างคุ้มค่า โดยไม่ต้องแบ่งทีมเป็น Backend กับ Frontend หรือจ้างมาสองทีม
สรุปแล้ว Node.js ช่วยให้พัฒนาแอปพลิเคชันครบวงจรได้ด้วยภาษา JavaScript เพียงภาษาเดียว ทั้งประหยัดเวลาและทรัพยากรอีกด้วย
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM