การใช้งาน if-else ในภาษา fortran แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง CODE 3 ตัวอย่าง และอธิบายการทำงาน และยกตัวอย่าง usecase ในโลกจริง

หัวข้อ: การประยุกต์ใช้ if-else ในภาษา Fortran สำหรับการตัดสินใจแบบง่ายๆ พร้อมแนวทางจากโลกแห่งความเป็นจริง

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านที่มีความสนใจในการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมครับ! วันนี้เราจะมาพูดถึงหัวใจสำคัญของการตัดสินใจในภาษาโปรแกรมมิ่ง นึ่งในนั้นคือการใช้ if-else ในภาษา Fortran ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมมิ่งที่เก่าแก่และยังคงถูกใช้งานในหลายแอพพลิเคชันทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมครับ

การใช้ if-else ใน Fortran นั้นไม่แตกต่างจากภาษาอื่นๆ มากนัก เราใช้มันเพื่อตรวจสอบเงื่อนไขและแยกทางเลือกในการปฏิบัติงานเมื่อเงื่อนไขนั้นเป็นจริงหรือไม่จริง เรามาดูกันครับว่าการใช้งาน if-else ใน Fortran นั้นทำได้อย่างไรบ้าง

ตัวอย่างที่ 1: การตรวจสอบคะแนนสอบ

program check_grade
    implicit none
    integer :: score

    print *, "กรุณาใส่คะแนนของคุณ: "
    read *, score

    if (score >= 80) then
        print *, "คุณได้เกรด A"
    else if (score >= 70) then
        print *, "คุณได้เกรด B"
    else if (score >= 60) then
        print *, "คุณได้เกรด C"
    else if (score >= 50) then
        print *, "คุณได้เกรด D"
    else
        print *, "คุณได้เกรด F"
    endif
end program check_grade

ในตัวอย่างนี้ เราเห็นการใช้งาน if-else ในการตรวจสอบคะแนนสอบและแสดงผลเกรดที่สอดคล้องกัน หากคะแนนตั้งแต่ 80 ขึ้นไปจะได้เกรด A ตามลำดับ

ตัวอย่างที่ 2: การตัดสินใจใช้ร่มหรือไม่

program decide_umbrella
    implicit none
    logical :: is_rain

    print *, "ตอนนี้ฝนตกหรือไม่ (โปรดตอบ .true. หรือ .false.): "
    read *, is_rain

    if (is_rain) then
        print *, "คุณควรใช้ร่ม"
    else
        print *, "คุณไม่ต้องใช้ร่ม"
    endif
end program decide_umbrella

ในโปรแกรมนี้ เราพิจารณาว่าผู้ใช้ควรพกร่มหรือไม่ ตามสภาพอากาศที่รับมาเป็นค่า true หรือ false

ตัวอย่างที่ 3: การคำนวณส่วนลดตามจำนวนสินค้าที่ซื้อ

program calculate_discount
    implicit none
    integer :: quantity
    real :: total_cost, discount_rate

    print *, "ใส่จำนวนสินค้าที่คุณซื้อ: "
    read *, quantity

    if (quantity >= 10) then
        discount_rate = 0.2
    else if (quantity >= 5) then
        discount_rate = 0.1
    else
        discount_rate = 0.0
    endif

    total_cost = quantity * 100.0 * (1.0 - discount_rate)
    print *, "ค่าใช้จ่ายทั้งหมดหลังหักส่วนลด: ", total_cost
end program calculate_discount

ในตัวอย่างที่ 3 เรามีการใช้ if-else ในการกำหนดอัตราส่วนลดที่แตกต่างกันไปตามจำนวนสินค้าที่ซื้อ ซึ่งเป็นตัวอย่างการใช้งานกับข้อเสนอส่วนลดในโลกธุรกิจจริงครับ

การใช้ if-else นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเขียนโปรแกรม เพราะช่วยในการเขียนโปรแกรมที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลายได้ เห็นได้ชัดจากตัวอย่าง use cases ที่ได้กล่าวมาข้างต้น

และถ้าหากคุณต้องการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณต่อไป EPT (Expert-Programming-Tutor) เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานการเขียนโปรแกรมผ่านหลักสูตรที่มีคุณภาพ เราพร้อมต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางสู่โลกแห่งการเขียนโปรแกรมของคุณครับ

คุณพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นการเดินทางในการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมกับเรา ณ EPT หรือยังครับ? มาร่วมเป็นนักพัฒนาที่ยอดเยี่ยมด้วยศักยภาพในการเขียนโปรแกรมกับเราสิครับ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง