ในโลกของการเขียนโปรแกรมและการพัฒนาซอฟต์แวร์ การจัดเรียงข้อมูลเป็นหนึ่งในกระบวนการที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราต้องจัดการกับข้อมูลจำนวนมาก ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับอัลกอริธึม "Quick Sort" ซึ่งเป็นอัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพสำหรับการจัดเรียงข้อมูล และเราจะเขียนโปรแกรมตัวอย่างด้วยภาษา Fortran เพื่อให้เข้าใจกระบวนการทำงานของมัน
Quick Sort เป็นอัลกอริธึมการจัดเรียงที่พัฒนาโดย Tony Hoare ในปี 1960 เป็นวิธีการจัดเรียงข้อมูลที่อิงตามแนวคิด "Divide and Conquer" ซึ่งหมายถึงการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ แล้วทำการจัดเรียงแต่ละส่วนก่อนที่จะนำมารวมกัน
แนวคิดหลักของ Quick Sort:
1. เลือก Pivot: จากอาร์เรย์ที่ต้องการจัดเรียง จะมีการเลือกค่า 1 ค่าเรียกว่า "Pivot" ซึ่งจะใช้ในการแยกอาร์เรย์ออกเป็น 2 ส่วน 2. Partition: จัดกลุ่มค่าให้อยู่ด้านซ้ายของ Pivot (ค่าที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ Pivot) และด้านขวาของ Pivot (ค่าที่มากกว่า Pivot) 3. Recursive Sort: ทำซ้ำขั้นตอนนี้กับทั้งสองส่วนจนกว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเรียงการใช้งาน Quick Sort
Quick Sort ถูกใช้อย่างกว้างขวางในหลาย ๆ แพล็ตฟอร์มและในระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการจัดเรียงข้อมูล เช่น ฐานข้อมูล, ระบบการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และแม้กระทั่งในเกมที่ต้องการจัดอันดับคะแนนสูง
มาติดตามกันที่การนำอัลกอริธึม Quick Sort มาทดสอบโดยการเขียนโปรแกรมในภาษา Fortran:
อธิบายโค้ดที่ใช้:
1. การกำหนดอาร์เรย์: ในตัวอย่างนี้ เราได้กำหนดอาร์เรย์ `arr` ที่มีข้อมูล 10 ค่า ที่จะต้องถูกจัดเรียง 2. การเรียกใช้งาน Quick Sort: เราเรียกใช้ซับรูทีน `quicksort` โดยผ่านอาร์เรย์และกำหนดช่วงที่ต้องการจัดเรียง 3. การสลับค่า: ส่วนหลักของอัลกอริธึมอยู่ในคำสั่ง `do` จะทำการวนลูปเพื่อเปรียบเทียบค่าในอาร์เรย์กับพีวอตและทำการสลับค่าตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนด
เมื่อพิจารณาคอมเพล็กซิตี้ของ Quick Sort จะพบว่า:
- Best and Average Case: O(n log n) เนื่องจากในกรณีที่ Pivot ถูกเลือกอย่างเหมาะสม ค่าในการแบ่งข้อมูลจะเหมาะสมที่สุด - Worst Case: O(n^2) หาก Pivot ถูกเลือกไม่เหมาะสม เช่น เป็นค่าที่น้อยที่สุดหรือมากที่สุด ทำให้พาร์ติชันไม่สมดุลถึงแม้ว่า Quick Sort จะมีกรณีที่แย่ แต่ในทางปฏิบัติ Quick Sort เป็นอัลกอริธึมการจัดเรียงที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ข้อดี
1. ประสิทธิภาพสูง: Quick Sort มักจะมีประสิทธิภาพดีกว่า Merge Sort และ Bubble Sort 2. การใช้งานในสถานที่: Quick Sort จะใช้พื้นที่ในหน่วยความจำที่น้อยกว่าอัลกอริธึมการจัดเรียงอื่น ๆ เช่น Merge Sort 3. ประมวลผลเร็วในกรณีเฉลี่ย: Quick Sort สามารถจัดเรียงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วในกรณีเฉลี่ยข้อเสีย
1. Worst-case Complexity: กรณีที่เลวร้ายจะเกิดขึ้นได้หาก Pivot ถูกเลือกไม่ดี ทำให้มีประสิทธิภาพต่ำ 2. ไม่ Stable: Quick Sort ไม่ใช่อัลกอริธึมการจัดเรียงที่เสถียร หมายถึง องค์ประกอบที่มีค่าที่ยเท่ากันอาจจะถูกเรียงใหม่ 3. การสร้าง Recursive Call Stack: อาจเกิดปัญหาถ้าข้อมูลจำนวนมากถูกจัดเรียง Deep Recursion
สรุปได้ว่า Quick Sort เป็นอัลกอริธึมการจัดเรียงที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมสำหรับการใช้งานหลายรูปแบบ ด้วยตัวอย่างโค้ดที่เขียนในภาษา Fortran เราสามารถเข้าใจและประยุกต์ใช้งาน Quick Sort ได้ง่ายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้อัลกอริธึมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับประเภทของข้อมูลและข้อกำหนดของระบบ
หากท่านต้องการศึกษาลึกซึ้งเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและอัลกอริธึมต่าง ๆ สนใจมาศึกษากับเราได้ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ที่ซึ่งจะช่วยให้ท่านกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นแน่นอน!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM