การเขียนโปรแกรมในภาษา Fortran นับเป็นพื้นฐานที่ดีในการเรียนรู้เกี่ยวกับตรรกะและการควบคุมการทำงานของโปรแกรม ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงการใช้งาน `nested if-else` ซึ่งเป็นโครงสร้างการควบคุมที่ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบเงื่อนไขได้หลายระดับ หลักการทำงานของโครงสร้างนี้คือการตรวจสอบเงื่อนไขภายในเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้โปรแกรมของเรามีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
โค้ดตัวอย่างด้านล่างนี้จะช่วยให้เราเข้าใจการใช้งาน `nested if-else` ได้ดียิ่งขึ้น:
- เรากำหนดโปรแกรมด้วยคำสั่ง `program nested_if_example` และใช้ `implicit none` เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากการประกาศตัวแปรที่ไม่มีการกำหนดชนิด
2. การรับคะแนนจากผู้ใช้:- เราขอให้ผู้ใช้กรอกคะแนนและจัดเก็บไว้ในตัวแปร `score`
3. การตรวจสอบเงื่อนไขคะแนน:- เงื่อนไขแรกที่เราตรวจสอบคือว่า คะแนนอยู่ในช่วงที่ถูกต้อง (0-100) หรือไม่
- หากเงื่อนไขแรกถูกต้อง เราจะตรวจสอบคะแนนภายใน `nested if-else`
- หากคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 80 จะพิมพ์ว่า "ระดับ: ดีเยี่ยม"
- หากคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 60 จะพิมพ์ว่า "ระดับ: ดี"
- หากคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 40 จะพิมพ์ว่า "ระดับ: พอใช้"
- หากคะแนนน้อยกว่าคะแนนที่กล่าวมาทั้งหมดจะพิมพ์ว่า "ระดับ: ไม่ผ่าน"
- หากคะแนนไม่อยู่ในช่วงที่ถูกต้อง จะพิมพ์ข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับการกรอกคะแนน
การใช้ `nested if-else` ในสถานการณ์จริงสามารถพบได้ในหลายๆ สถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น ระบบการให้คะแนนในโรงเรียน หรือ ระบบประเมินประสิทธิภาพการทำงานในบริษัทซึ่งอาจมีหลายระดับคะแนนและเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องพิจารณา ตัวอย่างเพิ่มเติมได้แก่:
1. ระบบประเมินพนักงาน: สำหรับองค์กรที่ต้องการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน หากเราต้องการให้คะแนนขึ้นอยู่กับเกณฑ์ต่างๆ เช่น ความนิยม งานที่เสร็จตามเวลาที่กำหนด และคุณภาพของงาน ซึ่งใช้ `nested if-else` ช่วยในการตัดสินใจแบ่งกลุ่มพนักงานในระดับต่างๆ 2. ระบบการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์: ในโรงงานผลิต เมื่อมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เราสามารถใช้ `nested if-else` ในการตัดสินใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณภาพดี ผ่านมาตรฐาน หรือ ต้องมีการปรับปรุง โดยการตัดสินใจตามเกณฑ์ที่กำหนด
การใช้งาน `nested if-else` ในภาษา Fortran เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบและควบคุมเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย โค้ดตัวอย่างข้างต้นสอนให้เราเข้าใจถึงลักษณะการทำงานและการสร้างระบบตัดสินใจ โดยการใช้งาน `nested if-else` นั้นไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการเขียนโปรแกรมที่สำคัญ แต่ยังเป็นการฝึกฝนทักษะการคิดอย่างมีระเบียบและมีเหตุผล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีในการเรียนรู้ภาษาโปรแกรม
หากคุณต้องการที่จะเสริมสร้างทักษะการเขียนโปรแกรมเพิ่มเติมหรือเรียนรู้รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับ Fortran และภาษาโปรแกรมอื่น ๆ แนะนำให้คุณเข้ามาศึกษาที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ที่นี่เรามีคอร์สฝึกอบรมที่ช่วยให้คุณกลายเป็นนักโปรแกรมที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมกับการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะและความรู้ในด้านนี้อย่างมีประสิทธิภาพ!
ติดต่อเราเพื่อนัดหมายเรียนที่ EPT และเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นนักโปรแกรมมืออาชีพในวันนี้!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM