Interpreter กับ Compiler คือส่วนกลางที่สำคัญซึ่งทำหน้าที่แปลงโค้ดโปรแกรมที่นักพัฒนาเขียนขึ้นมาให้กลายเป็นรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและประมวลผลได้ ทั้งสองมีแนวทางในการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการเลือกใช้ของนักพัฒนาในสถานการณ์ต่างๆ
Interpreter คือโปรแกรมที่ทำงานโดยการอ่านและประมวลผลโค้ดแบบทีละบรรทัด หรือทีละส่วน (line-by-line) ทันทีโดยไม่ผ่านขั้นตอนการคอมไพล์เป็นไฟล์สำหรับเรียกใช้งาน (executable file) เช่น Python หรือ Ruby เป็นต้น
ประโยชน์ของ Interpreter
1. การดีบั๊กที่ง่าย: เนื่องจากโค้ดถูกประมวลผลทีละบรรทัด เมื่อมีข้อผิดพลาดจึงสามารถระบุได้ทันที 2. การเขียนโปรแกรมแบบโต้ตอบ (Interactive programming): นักพัฒนาสามารถทดลองและปรับแก้โค้ดได้ตามเวลาจริง (Real-time) 3. ความเร็วในการเริ่มต้น: เหมาะกับการพัฒนาแบบ Rapid prototyping เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการคอมไพล์
Compiler คือโปรแกรมที่แปลงโค้ดที่เขียนด้วยภาษาโปรแกรมใดๆ ไปเป็นภาษาเครื่อง (machine language) หรือไฟล์ executable เพื่อรันบนคอมพิวเตอร์ เช่น C, C++, Java เป็นต้น
ประโยชน์ของ Compiler
1. ประสิทธิภาพสูง: เนื่องจากโค้ดที่ถูกคอมไพล์แล้ว มีประสิทธิภาพในการรันเนื่องจากถูกแปลงเป็นภาษาเครื่องแล้ว 2. ความปลอดภัยของโค้ด: โค้ดที่ถูกคอมไพล์เป็น binary มีความยากในการถอดความกว่าโค้ดที่รันผ่าน Interpreter 3. การเคลื่อนย้าย (Portability): โปรแกรมที่คอมไพล์ได้สามารถรันได้บนสภาพแวดล้อมที่ Compiler รองรับโดยไม่ต้องมีโค้ดเดิม
นักพัฒนาบางคนเลือกใช้ Interpreter เพื่อพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันโดยใช้ Ruby on Rails ซึ่งเป็น framework สำหรับการพัฒนาวิธี Agile ที่ต้องการความเร็วในการทดสอบและปรับแก้โค้ด ในขณะที่นักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น โปรแกรมบัญชีหรือเกมส์ อาจเลือกใช้ C++ ที่ต้องการ Compiler เพื่อให้แอปพลิเคชันทำงานได้รวดเร็วที่สุด
ตัวอย่างโค้ดใน Python (Interpreter)
# ตัวอย่างโค้ด Python ที่สามารถรันได้ทันที
print("Hello, Interpreter World!")
ตัวอย่างโค้ดใน C++ (Compiler)
// ตัวอย่างโค้ด C++ ที่ต้องผ่านกระบวนการคอมไพล์
#include
int main() {
std::cout << "Hello, Compiler World!" << std::endl;
return 0;
}
ทั้ง Interpreter และ Compiler มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน และการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการของโปรเจ็กต์ การพิจารณาประเด็นต่างๆ เช่น ความเร็วในการพัฒนา, ประสิทธิภาพของโปรแกรมเมื่อเปรียบเทียบกับความยืดหยุ่นในการทำงาน, และความปลอดภัยของโค้ดเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับบุคคลที่สนใจพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมในทั้งสองส่วนนี้ควรประเมินจากเป้าหมายของโปรเจ็กต์เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุด การมีพื้นฐานและความเข้าใจที่ดีในเรื่องของ Interpreter และ Compiler จะช่วยให้การเริ่มต้นโปรเจ็กต์มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการได้ดียิ่งขึ้น.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: interpreter compiler programming interpreted_language compiled_language python ruby c++ machine_language executable_file rapid_prototyping interactive_programming programming_efficiency programming_security portability
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com