# SSL (Secure Sockets Layer)คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ใช้งานตอนไหน
ในโลกอินเทอร์เน็ตที่แสนกว้างใหญ่ มีข้อมูลมากมายถูกส่งผ่านไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คำถามคือ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลที่เราส่งไปนั้นปลอดภัย ไม่ถูกขโมยหรือเปลี่ยนแปลงโดยคนที่ไม่ประสงค์ดี? คำตอบหนึ่งที่มาแรงคือ SSL หรือ Secure Sockets Layer นั่นเอง แต่ SSL นี้มันคืออะไรกันแน่? มันมีประโยชน์อย่างไร? และเราควรใช้มันตอนไหนกันแน่? มาดูกันครับ!
SSL นั้นเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานเพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่มีความปลอดภัยระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับเบราว์เซอร์ (อาจจะเป็นเว็บเบราว์เซอร์หรือเบราว์เซอร์ไคลเอนต์อื่นๆ) โดยมันจะช่วยให้ข้อมูลที่ถูกส่งผ่านทางเครือข่ายนั้นถูกเข้ารหัส (Encrypt) ทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูล เพื่อที่ว่าถ้ามีคนพยายามดักจับข้อมูลเหล่านั้น เขาจะไม่สามารถอ่านหรือจะเข้าใจข้อมูลนั้นได้ เพราะว่ามันจะเป็นเพียงรหัสลับที่เขาไม่มีกุญแจหรือวิธีการแปลได้
SSL ควรถูกใช้งานเสมอเมื่อคุณต้องทำงานกับข้อมูลที่สำคัญ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้:
1. เมื่อทำธุรกรรมทางการเงิน: เช่น เมื่อคุณช็อปปิ้งออนไลน์หรือทำการชำระเงินผ่านเว็บไซต์ 2. การลงชื่อเข้าใช้: เมื่อคุณลงชื่อเข้าใช้บริการใดๆ ที่จำเป็นต้องใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน 3. เมื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัว: เช่น การกรอกแบบฟอร์มในเว็บไซต์ที่ต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางสุขภาพ
ถ้าเราจินตนาการว่าข้อมูลในอินเทอร์เน็ตคือจดหมายที่เราส่งกันและกันแบบไม่มีซอง ทุกคนที่เดินผ่านก็จะมองเห็นว่าเราเขียนอะไรในจดหมาย แต่ถ้าเราใช้ SSL เราก็เหมือนที่ส่งจดหมายในซองที่เป็นซองลับ เพื่อที่จะเปิดมันออกมาอ่านได้ เราต้องมีกุญแจสำหรับเปิดซองจดหมายนั้น ซึ่งกุญแจนี้มีเฉพาะผู้ส่งกับผู้รับเท่านั้นที่มีครับ
การทำงานของ SSL ก็คือการสร้างกุญแจลับ (เราเรียกกุญแจนี้ว่า "การเข้ารหัส") ซึ่งจะถูกใช้เพื่อล็อคข้อมูลที่ส่งไปถึงเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นเซิร์ฟเวอร์ที่มีกุญแจอีกชุดหนึ่งจะสามารถเปิด (หรือ "ถอดรหัส") ข้อมูลนั้น และอ่านจดหมายของเราได้ครับ
หากคุณเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์สำหรับร้านค้าออนไลน์คุณจะต้องติดตั้ง SSL เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อขายอย่างปลอดภัย ซึ่งการติดตั้ง SSL มักจะต้องทำผ่านผู้ให้บริการ Hosting หรืออาจจะต้องติดต่อไปยังผู้ให้บริการ SSL Certificate เพื่อขอรับรองความปลอดภัยของเว็บไซต์คุณ
นี่คือตัวอย่างขั้นตอนการความปลอดภัยผ่าน SSL :
1. เมื่อลูกค้าพยายามเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของคุณผ่าน HTTPS, การเชื่อมต่อนั้นจะขอ SSL Certificate จากเซิร์ฟเวอร์ของคุณ
2. เบราว์เซอร์ของลูกค้าจะตรวจสอบใบรับรองว่าถูกต้องและน่าเชื่อถือ ถ้าเป็นเช่นนั้น เบราว์เซอร์จะส่งสัญญาณกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อเริ่มการเข้ารหัส
3. เซิร์ฟเวอร์ส่งกลับ "การเข้ารหัส" ที่เรียกว่าคีย์เข้ารหัสย่อย (Session Key) กลับมายังเบราว์เซอร์
4. ด้วยคีย์เข้ารหัสย่อยนี้ เบราว์เซอร์และเซิร์ฟเวอร์สามารถเริ่มต้นการสื่อสารด้วยข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส ทำให้ดักจับหรือเข้าถึงข้อมูลได้ยากขึ้น
การเขียนโค้ดหรือตั้งค่าเพื่อใช้งาน SSL นั้นอาจจะมีความซับซ้อนและต้องใช้ความรู้เฉพาะทางด้าน IT แต่การทำความเข้าใจหลักการโดยทั่วไปนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้เรื่องของการเขียนโปรแกรมหรือ IT อย่างมีชั้นเชิง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฐานความรู้สำคัญที่ต้องทราบครับ
แต่ถ้าคุณยังไม่มีความรู้ด้านนี้มากพอ เลือกสถานที่ที่จะเรียนอย่าง EPT (Expert-Programming-Tutor) ก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ เพราะที่นี่คุณจะได้ฝึกฝนกับผู้เชี่ยวชาญที่จะนำทางคุณสู่โลกของการเข้ารหัสและการพัฒนาโปรแกรมอย่างมีคุณภาพ ในกรณีที่คุณอยากให้ตัวเองมีความรู้มากขึ้นในเรื่องนี้ หรือแม้แต่จะทำธุรกิจของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น การเรียนรู้เรื่อง SSL และวิธีการใช้งานของมันแบบลึกซึ้ง ก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเลยทีเดียวครับ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM