# สร้าง Hash ด้วยตนเองใน JavaScript โดยใช้วิธี Separate Chaining
การเขียนโปรแกรมเป็นพื้นฐานของงาน IT ในหลาย ๆ แขนง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเว็บ, การวิเคราะห์ข้อมูล, หรือแม้แต่สาขา AI และ Machine Learning เรามักจะเจอกับความท้าทายมากมายที่ต้องรับมือ หนึ่งในนั้นคือการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ และเจ้า Hash Table ก็เป็นหนึ่งในโครงสร้างข้อมูลที่มีบทบาทสำคัญมากกับเรื่องนี้
ในบทความนี้ เราจะมาดูการสร้าง Hash Table ด้วยวิธี Separate Chaining ในภาษา JavaScript ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน โดยไม่ใช้ library ใด ๆ พร้อมตัวอย่างโค้ด 3 ตัวอย่าง และในที่สุดคุณจะเห็นการใช้งานในโลกจริงที่ปรับปรุงข้อมูลได้เหนือกว่า
Hash Table จะอำนวยความสะดวกในการค้นหา, เพิ่ม, และลบข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงมาก เนื่องจากมันมาพร้อมกับประสิทธิภาพของการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ยที่ O(1) ในการทำงานในโลกจริง Separate Chaining นั้นเผชิญกับการชนของ keys หรือ collisions ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่มากกว่าหนึ่ง key มีค่า hash เดียวกัน วิธี Separate Chaining คือการจัดการ collisions โดยการบันทึก entries ที่ชนกันใน linked list ที่เดียวกัน
การออกแบบ Hash Function และ Structure
JavaScript มีการจัดการข้อมูลที่มีความสะดวกอยู่แล้วผ่าน Object หรือ Map, แต่การเข้าใจหลักการและสร้างตัวจัดการข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงของเรานั้นมีคุณค่าอย่างมาก ในการเริ่มต้น, เราจำเป็นต้องกำหนดขนาดของ hash table และ hash function:
รหัสด้านบนนี้จะสร้าง class ที่ชื่อว่า HashTable พร้อมกับ method อย่าง `_hash` ซึ่งจะคำนวณค่า hash สำหรับแต่ละ key โดยการแปลงตัวอักษรใน key ให้เป็นตัวเลขแล้วคำนวณค่าในสูตรเฉพาะ
เพิ่มข้อมูลด้วยวิธี Separate Chaining
เมื่อเรามี hash function แล้ว, การเพิ่มข้อมูลก็ทำได้ง่าย:
Method `set` ด้านบนจะคำนวณดัชนีที่ key นั้นควรจะอยู่, และจะเพิ่ม key และ value เข้าไปใน array ของ linked list
ค้นหาข้อมูลด้วยวิธี Separate Chaining
เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลจาก hash table, คุณจะใช้ดัชนีที่ได้จาก hash function เพื่อเข้าถึง linked list และหาข้อมูลต่อไป:
Method `get` จะค้นหาใน linked list สำหรับ key ที่ตรงกันและ return value นั้น
ตัวอย่างในการใช้งาน Hash Table
1. การจัดการข้อมูลผู้ใช้ในระบบ: ระบบหลังบ้านของเว็บไซต์มักจะต้องจัดการกับข้อมูลผู้ใช้จำนวนมาก การใช้ hash table สามารถช่วยให้การค้นหาหรืออัปเดตข้อมูลทำได้รวดเร็ว 2. การทำระบบหน้าจอแคช: เก็บข้อมูลที่มักจะถูกเรียกใช้อย่างรวดเร็วในเว็บเพจ เพื่อแสดงข้อมูลที่ต้องการทันทีโดยไม่ต้องโหลดจากฐานข้อมูล 3. การตรวจจับการก๊อปปี้ในงานเขียน: สามารถใช้ hash table เพื่อตรวจสอบว่ามีข้อความซ้ำกันหรือไม่ โดยการเปรียบเทียบแฮชของข้อความต่างๆเมื่อเราถอดรหัสเหล่านี้แล้ว, การเข้าใจและการสร้าง Hash Table ของตนเองนั้นจะช่วยให้การจัดการข้อมูลในโปรแกรมของเรานั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทักษะที่มีคุณค่าไม่น้อย และถ้าคุณต้องการที่จะฝึกฝนและถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้มีความเฉียบแหลมยิ่งขึ้น การศึกษาที่ EPT อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทีเดียว!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM