บทความ: การใช้งาน if-else ในภาษา Kotlin แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง CODE
ในยุคที่โลกของเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การสื่อสารผ่านโค้ดเป็นภาษาที่ทุกคนควรเรียนรู้ ภาษา Kotlin กลายเป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมมิ่งที่ได้รับความนิยม ด้วยความยืดหยุ่น และความเข้ากันได้กับภาษา Java แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเขียนโปรแกรมด้วย Kotlin นั้นง่ายดายและสะอาดกว่ามาก หนึ่งในคำสั่งพื้นฐานที่เราพบเจอตลอดเวลาคือ if-else ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจหลักของการควบคุมไหลของโปรแกรม
การใช้ if-else ใน Kotlin นั้นไม่ต่างจากภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ มากนัก if จะเป็นการตรวจสอบเงื่อนไข หากเงื่อนไขนั้นเป็นจริง (true) โค้ดที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขนี้จะถูกดำเนินการ หากเป็นเท็จ (false) โปรแกรมจะข้ามไปดำเนินการเงื่อนไขอื่นๆ หรืออาจจะเข้าสู่ส่วนของ else ซึ่งจะทำงานเมื่อเงื่อนไขทั้งหมดเป็นเท็จ
ตัวอย่าง CODE #1: การตรวจสอบเลขคู่หรือคี่
fun main() {
val number = 5
if (number % 2 == 0) {
println("$number เป็นเลขคู่")
} else {
println("$number เป็นเลขคี่")
}
}
ในตัวอย่างด้านบน เราทำการตรวจสอบว่าตัวแปร `number` นั้นหารด้วย 2 แล้วเหลือเศษหรือไม่ หากเป็นจริง คือไม่เหลือเศษ เราก็จะพิมพ์ออกมาว่าเลขนั้นคือเลขคู่ หากเป็นเท็จ เราพิมพ์ว่าเป็นเลขคี่
ตัวอย่าง CODE #2: การใช้ if-else แบบซ้อน
fun main() {
val score = 82
if (score >= 80) {
println("คุณได้เกรด A")
} else if (score >= 70) {
println("คุณได้เกรด B")
} else if (score >= 60) {
println("คุณได้เกรด C")
} else {
println("คุณได้เกรด F")
}
}
ในตัวอย่างที่สอง เราได้ใช้ if-else แบบซ้อนกันเพื่อตรวจสอบเรื่องของเกรด ซึ่งอาจจะเจอในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้านการศึกษาได้
ตัวอย่าง CODE #3: การใช้ if-else ในการรับค่าจากผู้ใช้
fun main() {
print("กรุณาใส่อายุของคุณ: ")
val age = readLine()?.toInt() ?: 0
if (age >= 18) {
println("คุณสามารถขับรถได้")
} else {
println("คุณยังไม่สามารถขับรถได้")
}
}
ในตัวอย่างนี้ ถือเป็นการนำ if-else ไปใช้ในการตรวจสอบสิทธิในการขับรถตามกฎหมายของอายุผู้ใช้
การตัดสินใจระหว่างเงื่อนไขนั้นเป็นสิ่งที่เราเจอในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจว่าจะกินอะไรในมื้อเที่ยง, การเลือกซื้อสินค้า, หรือแม้แต่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ต้องพิจารณาความเสี่ยง การใช้ if-else ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยให้โปรแกรมนั้นตอบสนองตามเงื่อนไขที่ได้รับอย่างชาญฉลาดได้
และนี่เพียงแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของการใช้ if-else ใน Kotlin ติดตามบทเรียนเพิ่มเติมและเนื้อหาอื่นๆ ที่ EPT ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนโปรแกรมมิ่งที่มีหลักสูตรวิชาต่างๆ ครบครัน พร้อมกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะในการเขียนโค้ดอย่างมืออาชีพได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: kotlin if-else programming decision_making control_flow coding examples real-world_application learning kotlin_code digital_era use_case beginner age_verification drivers_license
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com