# การใช้งาน Longest Common Subsequence (LCS) ในภาษา Lua พร้อมตัวอย่างในโลกจริง
ในโลกของการเขียนโปรแกรม เทคนิคต่างๆมีความสำคัญอย่างมาก หนึ่งในเทคนิคที่มีประโยชน์และน่าสนใจคืออัลกอริทึม "Longest Common Subsequence" (LCS) ซึ่งเป็นวิธีการหาลำดับย่อยร่วมที่ยาวที่สุดระหว่างสองสายอักขระ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีสายอักขระ "ABCBDAB" และ "BDCAB" นั้น LCS ของสองสายนี้อาจจะเป็น "BCAB" หรือ "BDAB"
ยกตัวอย่าง usecase ในโลกจริงของ LCS เช่น การเปรียบเทียบดีเอ็นเอในงานชีววิทยาคำนวณ การหาความคล้ายคลึงของข้อความในงานด้านเอกสาร รวมถึงการใช้ในระบบควบคุมเวอร์ชันของโค้ดในการพัฒนาซอฟต์แวร์
ในบทความนี้ เราจะมาดูการใช้งาน LCS ในภาษา Lua แบบง่ายๆ พร้อมกับตัวอย่าง code ที่ใช้ในการคำนวณและอธิบายการทำงานของมัน
ก่อนที่จะไปถึงการเขียนโค้ด ขอให้เราทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการของ LCS อัลกอริทึมดังกล่าวใช้เทคนิคของ Dynamic Programming โดยสร้างตารางเพื่อเก็บความยาวของ LCS ในทุกๆ subsequence
ตัวอย่างโค้ดที่ 1: LCS พื้นฐาน
ในตัวอย่างโค้ดนี้ เราได้สร้างฟังก์ชั่น `LCS` ที่มีพารามิเตอร์เป็นสายอักขระ X และ Y ภายในฟังก์ชั่น เริ่มด้วยการสร้างตาราง L ที่มีขนาด (m+1) x (n+1) โดยที่ m และ n คือความยาวของ X และ Y ตามลำดับ การวนลูปทำการประมวลผลและในที่สุดเราจะได้คำตอบที่ตำแหน่ง L[m][n] ซึ่งก็คือความยาวของ LCS
ความสำเร็จของโค้ดนี้มาจากความก้าวหน้าทีละขั้นตอน (Dynamic Programming) ที่เราพิจารณากรณีฐานและกรณีการเพิ่มสายอักขระทีละตัว ในทางปฏิบัติ เทคนิคนี้สามารถประยุกต์ไปใช้กับการจัดการกับข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น ข้อมูลเชิงพันธุกรรม หรือการจับคู่ข้อความ (text matching) ในงานด้านวิทยาศาสตร์
ตัวอย่างโค้ดที่ 2: การันตรีการหา LCS แบบไม่ซ้ำกัน
อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งอาจมีหลาย LCS ที่ยาวที่สุด ถ้าเราอยากได้ตัวอย่างเดียวที่ไม่ซ้ำกัน เราอาจต้องทำการปรับแต่งเพิ่มเติมลงในโค้ดของเรา
ในโค้ดนี้ เรามีฟังก์ชั่น `Traceback` ที่สร้างสายอักขระ LCS จากตารางที่ได้จาก LCS ฟังก์ชั่นนี้จะเดินย้อนกลับตามตาราง L เพื่อสร้างลำดับย่อยที่ต้องการได้
ตัวอย่างโค้ดที่ 3: LCS กับภาษา Lua แบบเรียกซ้ำ
ในการปรับปรุงต่อไปนี้ เราจะใช้เทคนิคการเรียกซ้ำ (Recursion) เพื่อลดการใช้งานหน่วยความจำ และทำให้โค้ดมีความกระชับมากขึ้น
จากตัวอย่างโค้ดที่สามนี้ เราสามารถเห็นถึงการนำ Dynamic Programming มาใช้กับการเรียกซ้ำได้อย่างเหมาะสม โดยการจดจำค่าที่ได้คำนวณแล้วเพื่อไม่ต้องคำนวณซ้ำอีก (Memoization)
LCS มีประโยชน์มากในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ในการเปรียบเทียบและการระบุความคล้ายกันของข้อมูล เราสามารถนำ LCS ไปประยุกต์ใช้เพื่อหาความคล้ายของข้อความมากมายในการค้นหาข้อมูล, นำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมสำหรับการซิงค์ไฟล์, หรือแม้กระทั่งในการเปรียบเทียบไฟล์เพื่อดูความแตกต่างบนระบบควบคุมเวอร์ชัน เช่น Git
การตีความและการประยุกต์ใช้อัลกอริทึมสำคัญไม่ใช่เรื่องที่ยากพิสูจน์ ถ้าคุณมีความเข้าใจที่ดีในส่วนพื้นฐานและสามารถคิดแบบเชื่อมโยง (interconnected thinking) LCS ไม่เพียงแต่เป็นหัวข้อการเรียนที่น่าสนใจที่โรงเรียน EPT ของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาจริง และทำให้การเขียนโปรแกรมของคุณมีชีวิตชีวาและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หากคุณสนใจที่จะใช้งาน LCS หรือแม้แต่สกิลการเขียนโปรแกรมอื่นๆ เพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางด้านไอทีและซอฟต์แวร์ อย่าลืมมาเรียนกับเราที่ EPT ที่เราไม่เพียงแต่สอนโค้ดอย่างล้ำลึก แต่ยังสอนให้คุณรู้จักวิธีการนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้อย่างมีความหมาย และสร้างอิทธิพลในโลกของเทคโนโลยีได้!
สนใจเรียนรู้เพิ่มเติม? ติดต่อเราได้ที่ Expert-Programming-Tutor ที่เราพร้อมให้คำแนะนำและบ่มเพาะเส้นทางการเป็นโปรแกรมเมอร์ให้ก้าวหน้ากับคุณ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: longest_common_subsequence lcs dynamic_programming lua_programming text_matching algorithm recursion programming_techniques computer_science software_development git bioinformatics document_comparison code_versioning programming_education
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM