คำว่า "inheritance" ในแนวคิดการเขียนโปรแกรมแบบ Object-Oriented Programming (OOP) เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ในลักษณะของ "มี" หรือ "เป็น" ระหว่างคลาสซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของ OOP ที่ช่วยในการจัดการและ reuse โค้ดได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม Haskell เป็นภาษาที่ต่างไปจากการเขียนโปรแกรมแบบ OOP เป็นภาษาที่มีหลักการ functional programming ซึ่งไม่มีคลาสหรือการสืบทอด (inheritance) ในแบบเดียวกับ OOP แต่ Haskell ใช้ type classes ซึ่งเป็นคล้ายๆ กับ interfaces ใน OOP และแนวคิดการ polymorphism เพื่อช่วยให้บรรลุผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
#### ความท้าทายของ Haskell and OOP
ก่อนที่เราจะอธิบายด้วยตัวอย่างโค้ด มันสำคัญที่จะเข้าใจว่า Haskell เป็นภาษาที่ล้ำลึกกับแนวคิดของ OOP มันจัดการกับ data และ behavior ในรูปแบบที่แตกต่างจากที่แนวคิดการสืบทอดใน OOP ทำ มันอาศัย type classes และ polymorphic functions เพื่อพัฒนาโค้ดที่ expressive และ reusable โดยไม่ต้องพึ่งพิง inheritance ที่พบในโลกของ OOP
#### ตัวอย่างโค้ดที่ไม่ได้ใช้ inheritance แต่แสดงถึงการ reuse
ตัวอย่าง 1: Type class
class Printable a where
print :: a -> String
instance Printable Int where
print int = "Number: " ++ show int
instance Printable String where
print str = "String: " ++ str
display :: Printable a => a -> IO ()
display x = putStrLn $ print x
main :: IO ()
main = do
display 123
display "Haskell"
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงการใช้ type class `Printable` ที่ทำการ define signature ของ function `print` ซึ่งจะถูก implement สำหรับ types ต่างๆ (`Int` และ `String`) หลังจากนั้น function `display` ก็สามารถที่จะรับ type ใดๆ ที่เป็นสมาชิกของ type class `Printable` มาแสดงผลได้
ตัวอย่าง 2: Pattern matching
data Shape = Circle Float | Rectangle Float Float
area :: Shape -> Float
area (Circle radius) = pi * radius * radius
area (Rectangle width height) = width * height
ในตัวอย่างนี้ `Shape` เป็น data type ที่มีสอง constructors คือ `Circle` และ `Rectangle` และ function `area` คำนวณพื้นที่ของ `Shape` โดยไม่ต้องพึ่ง inheritance แต่ใช้ pattern matching เพื่อการจ่ายงานที่เหมาะสมตาม type ของ shape
ตัวอย่าง 3: Higher-order functions
double :: Int -> Int
double x = x * 2
applyTwice :: (Int -> Int) -> Int -> Int
applyTwice f x = f (f x)
main :: IO ()
main = print $ applyTwice double 5 -- Output: 20
ในตัวอย่างนี้ `applyTwice` เป็น higher-order function ที่รับ function `f` และค่า `x` และทำการ apply function `f` 2 ครั้งต่อ `x` การใช้ higher-order functions เป็นวิธีที่หนึ่งในการ reuse โค้ดใน Haskell ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ inheritance ในการบรรลุเป้าหมาย
#### Use case ในโลกจริง
เมื่อพูดถึง use case ในโลกจริงที่เราสามารถเห็นภาพง่าย ๆ เช่นการจัดการกับข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ ระบบคำนวณสินค้าคงคลัง หรือระบบพยากรณ์อากาศ แม้ Haskell จะไม่ใช้ inheritance แต่ก็สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ดีเยี่ยมผ่าน type classes และ functions ที่ยืดหยุ่น
การศึกษาการเขียนโปรแกรมที่ EPT ยังไม่เพียงแค่ช่วยคุณเข้าใจต่างๆ เหล่านี้แต่ยังช่วยให้บางทฤษฎีมันเป็นมากกว่าความรู้ แค่เพียงคุณได้ประยุกต์และใช้งานในโลกจริง เรียนรู้กับเราที่ EPT เพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงโลกด้วยเทคโนโลยีและใช้ Haskell ในการสร้าง solution ที่หลากหลายและน่าทึ่ง!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: inheritance oop haskell type_classes polymorphism functional_programming reuse printable pattern_matching higher-order_functions use_case data behavior expressive reusable
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM