ในโลกของการเขียนโปรแกรม แน่นอนว่าเราต้องมีการควบคุมการไหลของข้อมูลและการดำเนินการของฟังก์ชัน ซึ่งในภาษา Haskell นั้น มีสองคำสำคัญที่ต้องพิจารณา นั่นคือ `return` และ `yield` แต่ก่อนที่เราจะสนุกกับการศึกษาสิ่งเหล่านี้ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานและการใช้งานซะก่อนครับ!
1. `return` ใน Haskell
ใน Haskell คำสั่ง `return` มีความหมายที่แตกต่างจากภาษาการเขียนโปรแกรมแบบ Imperative เช่น Python หรือ Java ซึ่งใน Haskell `return` ไม่ได้ใช้เพื่อส่งค่าคืนจากฟังก์ชันเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันกลับทำงานกับ monads หรือเป็นส่วนหนึ่งของ monadic context
##### ตัวอย่างการใช้งาน `return`
ในตัวอย่างนี้ ฟังก์ชัน `doubleAndAdd` จะคูณค่าของ `x` ด้วย 2 และรวมมันกับ `y` โดยใช้ `return` เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในรูปแบบ monadic ซึ่งจริงๆแล้วสำหรับ `IO` monad มันสามารถสร้างแอ็คชันที่ไม่กลับมาเป็นค่าจริงๆได้
2. `yield` ใน Haskell
ในภาษา Haskell เมื่อเราพูดถึง `yield` เราหมายถึงการใช้ในลักษณะของ `co-routines` หรือการทำงานแบบลื่นไหล ด้วยการให้ฟังก์ชันสามารถระงับการทำงานชั่วคราว และส่งค่ากลับไปก่อนที่จะเรียกคืนการทำงานในภายหลัง
##### ตัวอย่างการใช้งาน `yield`
ในตัวอย่างนี้ ใช้ `State` monad ร่วมกับ `yield` เพื่อสร้างงานนับถอยหลัง ซึ่งในทุกๆรอบจะพิมพ์ค่าหมายเลขถัดไป และเมื่อเสร็จแล้วจะลดค่าลง 1 และระงับการทำงาน หลังจากนั้นก็จะวนกลับไปนับค่าถัดไปจนกว่า `n` จะถึง 0
การใช้งาน `return` และ `yield` มีส่วนสำคัญในการพัฒนาโปรแกรมที่มีลักษณะเป็นเชิงฟังก์ชัน ในแอปพลิเคชันที่มีการทำงานพร้อมๆกันหรือประมวลผลข้อมูลใหญ่อย่างเช่น ระบบการจัดการเนื้อหาแบบยืดหยุ่น เช่นในเว็บแอปที่มีการโหลดข้อมูลด้วย AJAX หรือในแอพพลิเคชันที่ต้องการทำการประมวลผลขั้นตอนต่างๆใน sequential flow ขึ้นอยู่กับ input ที่ได้รับ
Use Case: ระบบ Chatbot ที่ต้องสำรองข้อมูลชั่วคราว
เมื่อเราสร้าง chatbot เราอาจต้องระงับการดำเนินการบางครั้ง เช่น เมื่อรอให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูล หรือระหว่างการโหลดข้อมูลจาก API ข้อมูลเหล่านี้อาจถูกเก็บไว้ใน monad context แล้วส่งคืนข้อมูลเมื่อพร้อม ซึ่งเราสามารถใช้ `return` เพื่อส่งค่าคืนจากฟังก์ชัน สร้างให้มันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่แอปพลิเคชันนั้นๆ ต้องการ
การเข้าใจการทำงานและความแตกต่างระหว่าง `return` และ `yield` ใน Haskell จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถใช้ภาษา Haskell ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ไม่เพียงแต่การเรียนรู้แนวคิดทางทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำแนวคิดเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในงานจริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะและความเข้าใจในการเขียนโปรแกรม
ถ้าคุณกำลังมองหาที่เรียนรู้เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมเชิงลึกและการทำงานกับ Haskell ผมขอแนะนำให้มาที่ EPT (Expert Programming Tutor) ที่นี่คือที่สำหรับนักเรียนทุกคนที่ต้องการสร้างพื้นฐานในทักษะด้านการเขียนโปรแกรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงการพัฒนาโปรเจกต์ของคุณอย่างเห็นได้ชัด! สนใจลงเรียนด่วนเลยที่นี่!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM