สำหรับผู้ที่สนใจในการเขียนโปรแกรม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Algorithm เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมันเป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Backtracking ซึ่งเป็นหนึ่งใน Algorithm ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการใช้ Haskell ในการเขียนโปรแกรม
Backtracking เป็นเทคนิคในการค้นหาคำตอบที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่สามารถแสดงได้ในรูปแบบของปัญหาทางเลือก เช่น ปริศนา Sudoku การจัดเรียงตัวเลข และการวางตำแหน่งของควีนในเกม Chess เพื่อไม่ให้ควีนแต่ละตัวโจมตีซึ่งกันและกัน เทคนิคนี้ทำงานโดยการสร้างเป็นกลยุทธ์ของการสำรวจตัวเลือกที่เป็นไปได้ โดยการค้นหาผ่านเส้นทางต่าง ๆ หากทางเลือกไหนไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง ก็จะย้อนกลับไปยังการเลือกก่อนหน้านี้และตรวจสอบทางเลือกอื่น ๆ
Use Case ของ Backtracking
1. Sudoku Solver: การแก้ปัญหา Sudoku โดยการเติมตัวเลขในตารางให้ถูกต้อง ตามกฏ 2. N-Queens Problem: การวางควีน n ตัวในตาราง n x n โดยไม่ให้ควีนตัวใดโจมตีกัน 3. Combination Search: ค้นหาคอมบิเนชันที่เป็นไปได้จากชุดตัวอักษรหรือตัวเลข
Haskell เป็นภาษาที่ออกแบบมาให้ทำงานกับการโปรแกรมฟังก์ชัน ดังนั้นการทำ Backtracking ใน Haskell จึงสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูตัวอย่างของการใช้ Backtracking เพื่อแก้ปัญหา N-Queens
ตัวอย่าง Code
ในตัวอย่างนี้ เราใช้ฟังก์ชัน `nQueens` เพื่อสร้าง Board สำหรับปัญหาควีน n ตัว โดยการตรวจสอบว่าตัวเลือกที่เลือกไปนั้นขัดแย้งกับควีนตัวอื่นหรือไม่
วิธีทำงาน
1. ฟังก์ชัน `nQueens` รับจำนวน `n` ซึ่งเป็นจำนวนควีนที่ต้องวาง
2. หาก `n` เป็น 0 หมายความว่าผ่านการวางหมดแล้ว ก็จะคืนค่า `[[]]`
3. ถ้าไม่ใช้ 0 ฟังก์ชันจะทำการสร้างลิสต์จากการเรียกตัวเองไปยัง `n-1`
4. แล้วจะสร้างตัวเลือกสำหรับควีนตัวใหม่ในช่วง 1 ถึง n
5. เราจะใช้ `conflict` ในการตรวจสอบว่าตัวเลือกที่เลือกไปนั้นไม่มีความขัดแย้งกับตัวเลือกที่ถูกเลือกก่อนหน้านี้
Complexity ของ Backtracking โดยทั่วไปแล้วเป็น `O(N!)` สำหรับปัญหา N-Queens เนื่องจากเราต้องทำการตรวจสอบทุกๆ การจัดเรียง อาจเกิดความซับซ้อนมากขึ้นขึ้นอยู่กับปัญหาที่เจอ แต่ในบางกรณีสามารถใช้เทคนิคการตัดสินใจเพื่อลดจำนวนกรณีได้ เช่น การตัดการตรวจสอบหากมีความขัดแย้งซึ่งทำให้สามารถประหยัดเวลาได้
ข้อดีและข้อเสียของ Backtracking
ข้อดี:
1. ความยืดหยุ่น: สามารถนำไปใช้ได้กับปัญหาหลายประเภท 2. ชัดเจน: อัลกอริธึมมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย ทำให้สามารถนำไปใช้ได้ง่ายในหลาย ๆ ภาษา 3. การค้นหาที่ครอบคลุม: ไม่เพียงแค่หาคำตอบที่ถูกต้อง แต่ยังสามารถหาคำตอบที่ดีที่สุดตามเกณฑ์การประเมินข้อเสีย:
1. ประสิทธิภาพต่ำ: หากไม่ใช้การปรับปรุงหรือการตัดกรณี อาจใช้เวลาและพื้นที่มากขึ้นในการประมวลผล 2. ซับซ้อนในหลายกรณี: สำหรับกรณีที่ซับซ้อน อาจทำให้การคำนวณยากขึ้นและทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง
Backtracking เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับนักพัฒนาโปรแกรม โดยเฉพาะในงานที่มีความซับซ้อน เช่น การจัดเรียง การหาคำตอบในเกม หรือตรรกะที่ยากในการแก้ปัญหา หากคุณกำลังมองหาสถานที่ในการศึกษาหรือพัฒนาทักษะทางโปรแกรมของคุณ EPT (Expert-Programming-Tutor) เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเรียนรู้ศาสตร์การเขียนโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น Haskell หรือภาษาอื่น ๆ ที่คุณมีความสนใจ
หากคุณต้องการเจาะลึกใน Algorithm และการเขียนโปรแกรมในระดับที่สูงขึ้น อย่ารอช้า! มาเริ่มต้นการเดินทางในการเรียนรู้โปรแกรมกับเรา ณ EPT กันเถอะ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM