แนวทางการพัฒนาโปรแกรมในศตวรรษที่ 21 มีให้เลือกหลายรูปแบบ หนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือ Object-Oriented Programming (OOP) แม้ว่าภาษา Haskell จะเป็นภาษาเชิงฟังก์ชัน (Functional Language) แต่เราก็สามารถสร้างรูปแบบที่ใกล้เคียงกับ OOP ได้ ซึ่งในบทความนี้จะมาดูกันว่าการใช้งาน OOP ใน Haskell นั้นเป็นอย่างไร พร้อมตัวอย่างโค้ดและตัวอย่างการใช้งานในโลกจริง
ใน Haskell เราทำงานกับโครงสร้างข้อมูล (Data Structure) ด้วยการสร้าง **Type** และ **Typeclass** ซึ่งสามารถทำให้เราสามารถสร้างลักษณะของ OOP ได้ เช่น การสร้าง **Encapsulation**, **Polymorphism**, และ **Inheritance** ในการเขียนโปรแกรม
Encapsulation
ใน OOP เราสามารถกำหนดข้อมูลและฟังก์ชันที่ทำงานกับข้อมูลนั้นรวมกันเป็นหน่วยเดียว ใน Haskell เราทำสิ่งนี้ได้โดยการสร้าง Type:
ในตัวอย่างนี้ เราสร้าง `Circle` เป็น Type ที่มี `radius` เป็นข้อมูลและ `area` เป็นฟังก์ชันที่คำนวณพื้นที่ของวงกลม
Polymorphism
Polymorphism หมายถึงความสามารถของฟังก์ชันที่สามารถทำงานกับข้อมูลหลายประเภทได้ ใน Haskell เราใช้ Typeclass เพื่อให้เราสามารถกำหนดฟังก์ชันเดียวกันสำหรับข้อมูลที่แตกต่างกัน:
ในตัวอย่างนี้ เรามี Typeclass ชื่อ `Shape` ที่มีฟังก์ชัน `area` ซึ่งสามารถใช้งานกับ `Circle` และ `Rectangle` ได้
Inheritance
การสืบทอด (Inheritance) ใน Haskell ไม่ได้ถูกออกแบบมาในลักษณะเดียวกับ OOP ที่เราเห็นในภาษาอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เราสามารถสร้างโครงสร้างเลียนแบบได้โดยการใช้ Typeclass:
ในตัวอย่างนี้ `ColoredShape` จะสืบทอดจาก `Shape` ซึ่งทำให้เราสามารถเพิ่มฟังก์ชัน `color` ที่สามารถทำงานร่วมกับ Type ต่าง ๆ ได้
การสร้างโปรแกรมในลักษณะ OOP มีประโยชน์มากในหลายๆ สถานการณ์ เช่น เมื่อต้องการสร้างเกม, การจัดการทรัพยากร, หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ในตัวอย่างนี้ เราจะดูการใช้งานในโครงการพัฒนาแอปพลิเคชันในการจัดการรายจ่าย:
ตัวอย่าง Use Case: การจัดการรายจ่าย
เราสามารถสร้าง Type สำหรับรายการรายจ่ายต่าง ๆ ได้:
ฟังก์ชัน `totalExpense` จะใช้เพื่อคำนวณยอดรวมของรายจ่ายที่เราได้บันทึกไว้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างโค้ด
มาดูโค้ดรวมที่สร้างแอปพลิเคชันการจัดการรายจ่ายอย่างง่าย ๆ:
ในตัวอย่างข้างต้น เราสร้าง Type `Expense` เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายจ่าย ต่อมาเราก็สร้างฟังก์ชัน `addExpense` เพื่อเพิ่มรายจ่ายเข้าไปในรายการ จากนั้นใช้ฟังก์ชัน `totalExpense` เพื่อคำนวณยอดรวมของรายจ่าย
การเรียนรู้ OOP ใน Haskell อาจจะดูท้าทาย แต่เมื่อเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว มันจะเปิดประตูสู่การพัฒนาโปรแกรมที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้เป็นเพียงการสาธิตการใช้งาน OOP ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโปรเจกต์จริงในโลกของการพัฒนาโปรแกรม
หากคุณสนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมและ OOP ไม่ว่าจะเป็นใน Haskell หรือภาษาอื่น ๆ อย่าลืมเข้ามาศึกษาที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ซึ่งเรามีหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในการเขียนโปรแกรมอย่างเป็นระบบ!โปรแกรมมิ่งคือทักษะที่มีค่าในตลาดงานสมัยใหม่ แล้วคุณจะรออะไร? มาสร้างอนาคตด้วยการเขียนโปรแกรมที่ EPT กันเถอะ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM