การเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่เรื่องของโค้ดที่ซับซ้อนเท่านั้น หากแต่ยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่เราต้องทำในระหว่างการเขียนโปรแกรม หนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถทำการตัดสินใจได้ในภาษา Haskell คือ **If Statement** หรือ **เงื่อนไข** ในบทความนี้เราจะมาสำรวจการใช้งาน if statement ใน Haskell พร้อมด้วยตัวอย่างโค้ดและการใช้งานในโลกจริง
ในภาษา Haskell If Statement ทำงานไม่ต่างจากที่เราเห็นในภาษาอื่นๆ เอาง่ายๆ ก็คือ มันจะทำการตรวจสอบเงื่อนไขและทำการเลือกผลลัพธ์ที่เหมาะสม เป็นต้นว่า:
ตัวอย่างที่เข้าใจง่ายที่สุดคือการตรวจสอบว่าหมายเลขที่ป้อนเข้ามาเป็นเลขคู่หรือเลขคี่:
อธิบายโค้ด
- เราได้สร้างฟังก์ชัน `checkEvenOrOdd` ซึ่งรับค่าหมายเลขแบบ Integer
- การใช้ฟังก์ชัน `even` จะตรวจสอบว่าหมายเลขนั้นเป็นเลขคู่หรือไม่
- หากเป็นเลขคู่ ฟังก์ชันจะส่งคืน "เลขคู่" และหากไม่เป็น ก็จะส่งคืน "เลขคี่"
Compile และ Run
เมื่อเรา compile และ run ฟังก์ชันนี้ด้วยหมายเลขใดๆ เช่น `checkEvenOrOdd 4` ผลลัพธ์จะได้ว่า "เลขคู่" ในขณะที่ `checkEvenOrOdd 3` จะให้ผลลัพธ์ว่า "เลขคี่"
ลองนึกถึงสถานการณ์ที่คุณกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันการจัดการการชำระเงิน ถ้าผู้ใช้เลือกให้ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต แต่เนื่องจากมียอดคงเหลือในบัญชีต่ำกว่า 100 บาท เราต้องมีการสร้างระบบเตือนให้ผู้ใช้ทราบตามเงื่อนไข ในกรณีนี้เราสามารถใช้ if statement ได้เหมือนกัน:
อธิบายโค้ด
- ฟังก์ชัน `checkPayment` นี้จะรับค่า `balance` ซึ่งเป็นจำนวนเงิน
- มันจะตรวจสอบว่า `balance` ต่ำกว่า 100 หรือไม่
- หากต่ำกว่า ฟังก์ชันจะส่งข้อความเตือนให้ผู้ใช้เติมเงิน และในทางกลับกันก็จะอนุญาตให้ทำการชำระเงินได้
การใช้งาน if statement หากไม่ได้ควบคุมอย่างดีอาจทำให้โค้ดยากต่อการอ่านและทำความเข้าใจ เช่น การซ้อน if statement ซึ่งจะทำให้โค้ดยาวและซับซ้อนไปกว่านั้น
ในตัวอย่างนี้ การซ้อน if statement ทำให้โค้ดอ่านยากขึ้น วิธีที่ดีกว่าคือการใช้ guard หรือ case expressions ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าในการจัดการหลายเงื่อนไขใน Haskell
การใช้ if statement ตอบโจทย์การเขียนโปรแกรมที่มีเงื่อนไขและเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะ หรือสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ผ่านการตัดสินใจที่เหมาะสม ด้วยการเข้าใจหลักการทำงานและการใช้งาน วิธีการนี้ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในภาษา Haskell
หากคุณต้องการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมอย่างลึกซึ้งกว่านี้ สามารถมาศึกษาและอบรมที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) สถานที่ที่คุณจะได้รับความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ พร้อมกับสัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญเป็นการส่วนตัวติดต่อเราที่ EPT วันนี้ แล้วเปิดประตูสู่โลกของการเขียนโปรแกรมที่ไม่มีที่สิ้นสุด!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM