if statement คืออะไร การใช้งาน if statement ในภาษา Rust แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

# if statement คืออะไรและการใช้งาน if statement ในภาษา Rust แบบง่ายๆ

คำสั่ง if statement เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญของการเขียนโปรแกรมในทุกภาษา รวมถึงภาษา Rust ด้วย โดย if statement จะชุมนุมหลักในการตัดสินใจว่าโค้ดบางส่วนควรจะถูกทำงานหรือไม่ โดยอาศัยเงื่อนไขที่กำหนดไว้ หากเงื่อนไขเป็นจริง (true) โปรแกรมจะทำงานในส่วนของ if statement แต่หากเงื่อนไขไม่เป็นจริง (false) โปรแกรมอาจจะข้ามส่วนนั้นไปเลย หรือทำงานส่วนอื่นที่เรากำหนดไว้ใน else หรือ else if ตามลำดับ

ในภาษา Rust, if statement ยังมีความสามารถในการเป็น expression ที่สามารถคืนค่ากลับมาได้ ซึ่งเป็นลูกเล่นที่ให้ความยืดหยุ่นในการเขียนโค้ดเพิ่มขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน if statement ใน Rust

ตัวอย่างที่ 1: การตัดสินใจอย่างง่าย

fn main() {
    let score = 95;

    if score >= 50 {
        println!("ยินดีด้วย! คุณผ่านเกณฑ์การสอบ");
    } else {
        println!("เสียใจด้วย คุณไม่ผ่านเกณฑ์การสอบ");
    }
}

อธิบายการทำงาน:

ในตัวอย่างนี้เรามีตัวแปร `score` ที่เก็บคะแนนของผู้เรียน โดยมี if statement ในการตรวจสอบว่าคะแนนของผู้เรียนมากกว่าหรือเท่ากับ 50 หรือไม่ หากใช่ โปรแกรมจะแสดงข้อความแสดงความยินดี แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะแสดงข้อความเสียใจแทน

ตัวอย่างที่ 2: การใช้ if statement ที่คืนค่า

fn classify_age(age: i32) -> &'static str {
    if age < 13 {
        "เด็ก"
    } else if age < 20 {
        "วัยรุ่น"
    } else {
        "ผู้ใหญ่"
    }
}

fn main() {
    let person_age = 20;
    println!("คุณอยู่ในหมวดหมู่: {}", classify_age(person_age));
}

อธิบายการทำงาน:

ที่นี่เรามีฟังก์ชัน `classify_age` ซึ่งใช้ if statement เพื่อคืนค่าสตริงที่บอกหมวดหมู่อายุของผู้ใช้ ขึ้นอยู่กับอายุที่รับเข้ามาเป็นพารามิเตอร์ รหัสนี้แสดงการใช้ if statement เพื่อทำหน้าที่ตัดสินใจและคืนค่าในคราวเดียวกัน

Usecase ในโลกจริง

Usecase ที่ 1: ระบบการเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ

ในระบบการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงของแอปพลิเคชัน การใช้ if statement จะช่วยตรวจสอบว่าผู้ใช้งานมีสิทธิ์ในการเข้าถึงส่วนหนึ่งๆ ของระบบหรือไม่

Usecase ที่ 2: การประมวลผลและตอบกลับข้อมูล

บนเว็บไซต์ที่ต้องการประมวลผลข้อมูลและแสดงผลตามคำขอของผู้ใช้ เช่น การคำนวณสินเชื่อหรือการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็จะใช้ if statement เพื่อวิเคราะห์และให้คำตอบที่เหมาะสมกับข้อมูลที่ได้รับ

อีกทั้งในหลักสูตรการเรียนการสอนของ EPT คุณจะได้พบกับการใช้งาน if statement และโครงสร้างการควบคุมอื่นๆ อีกมากมายในหลากหลาย usecase ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ในชีวิตจริง เราหวังว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถทางการเขียนโปรแกรมของคุณกับเราที่ EPT!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง