การเขียนโปรแกรมเป็นงานที่เสมือนศิลปะ หนึ่งในมาตรฐานของศิลปะการเขียนโปรแกรมที่ดีคือความชัดเจนและการจัดระเบียบของโค้ด ในหมู่นักพัฒนามืออาชีพ, การใช้ `if/else` blocks อย่างมากเกินความจำเป็นอาจถูกมองว่าเป็น anti-pattern ที่สามารถนำไปสู่โค้ดที่ยากต่อการบำรุงรักษาและเพิ่มความซับซ้อนในการทดสอบโค้ดของคุณได้อย่างไม่จำเป็น ในบทความนี้ เราจะสำรวจเรื่องของการจัดระเบียบโค้ดที่ยุ่งเหยิงโดยใช้ Strategy Pattern ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติหนึ่งในกรอบการทำการออกแบบโปรแกรม (Design Patterns) ที่จะช่วยให้เราจัดการกับภาระงานของ if/else blocks ได้ดียิ่งขึ้น
ความซับซ้อนของ if/else blocks เกิดขึ้นเมื่อคุณมีชุดของเงื่อนไขมากมายที่ซ้อนกันหรือขึ้นต่อกัน จนทำให้โค้ดของคุณยากแก่การอ่านและยากต่อการบำรุงรักษา ตัวอย่างเช่น:
if (userType.equals("ADMIN")) {
// โค้ดสำหรับผู้ดูแลระบบ
} else if (userType.equals("MODERATOR")) {
// โค้ดสำหรับผู้ดูแลเนื้อหา
} else if (userType.equals("MEMBER")) {
// โค้ดสำหรับสมาชิกทั่วไป
} else {
// โค้ดสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ระบุตัวตน
}
ถึงแม้ว่าแต่ละส่วนของ if/else จะดูชัดเจนในตัวมันเอง แต่เมื่อผสานรวมกันแล้วกลับกลายเป็นการทำให้โค้ดยุ่งเหยิง และนี่คือจุดที่ Strategy Pattern สามารถเข้ามาแก้ปัญหาได้
Strategy Pattern เป็นแบบแผนการออกแบบที่ช่วยในการเลือกอัลกอริทึมหรือการดำเนินการที่เหมาะสมใน runtime โดยที่ client ไม่จำเป็นต้องรู้จักการดำเนินการในรายละเอียด เป้าหมายของมันคือการแยกอัลกอริทึมที่กำลังจะใช้งานออกจากบริบทที่มักจะเลือกอัลกอริทึมนั้น ในภาษาที่ง่ายกว่าคือจัดการเลือก "กลยุทธ์" (strategy) ต่างๆ ตามบริบทที่ถูกเรียกใช้งาน
Strategy Pattern ช่วยให้เราจำแนกลอจิกในการจัดการกับเงื่อนไขต่างๆ ได้ชัดเจนและมีอ็อบเจ็กต์ที่แยกต่างหากสำหรับแต่ละเงื่อนไข อันที่จริงเราสามารถนึกถึงแต่ละอ็อบเจ็กต์เหล่านี้เป็น "กลยุทธ์" ของเรา
ลองดูคลิปกรีตสำหรับการจัดการกับประเภทของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันผ่านแนวทาง Strategy Pattern:
interface UserStrategy {
void apply();
}
class AdminStrategy implements UserStrategy {
public void apply() {
// โค้ดสำหรับผู้ดูแลระบบ
}
}
class ModeratorStrategy implements UserStrategy {
public void apply() {
// โค้ดสำหรับผู้ดูแลเนื้อหา
}
}
class MemberStrategy implements UserStrategy {
public void apply() {
// โค้ดสำหรับสมาชิกทั่วไป
}
}
class GuestStrategy implements UserStrategy {
public void apply() {
// โค้ดสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ระบุตัวตน
}
}
class UserContext {
private UserStrategy strategy;
public UserContext(UserStrategy strategy) {
this.strategy = strategy;
}
public void execute() {
strategy.apply();
}
}
คุณจะเห็นว่าโดยการใช้ Strategy Pattern เราได้ทำการแยกแยะลอจิกของโค้ดออกจากเงื่อนไข if/else แต่ละรายการออกเป็น "กลยุทธ์"ของตัวเอง ทำให้โค้ดของเราสามารถขยายหรือปรับเปลี่ยนโดยไม่กระทบโครงสร้างหลักของระบบ
ต่อมาเราจะสร้างอินสแตนซ์ของ `UserContext` ด้วยกลยุทธ์ที่ตรงกับประเภทของผู้ใช้งาน และเรียกใช้ `execute()`:
UserContext context;
switch (userType) {
case "ADMIN":
context = new UserContext(new AdminStrategy());
break;
case "MODERATOR":
context = new UserContext(new ModeratorStrategy());
break;
case "MEMBER":
context = new UserContext(new MemberStrategy());
break;
default:
context = new UserContext(new GuestStrategy());
break;
}
context.execute();
ตัวอย่างโค้ดข้างต้นแสดงให้เห็นวิธีการจัดระเบียบ if/else blocks ที่ยุ่งเหยิงให้เป็นรูปแบบที่จำเพาะและแยกส่วนได้อย่างชัดเจน หากคุณเป็นนักพัฒนาที่มองหาวิธีในการพัฒนาทักษะของตัวเองและมีความสนใจในวิธีการจัดระเบียบโค้ดของคุณให้มีความสามารถในการบำรุงรักษาได้ดีขึ้น, Strategy Pattern อาจเป็นกรอบความคิดที่ดีสำหรับคุณในการเรียนรู้และปรับใช้ในงานพัฒนาซอฟต์แวร์จริง
เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมที่ต่อเนื่องนั้น อย่าลืมติดตามหลักสูตรการเรียนรู้ในด้านอื่นๆ ที่มีความลึกและความท้าทายมากขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพของโค้ดและภาพรวมของโปรเจ็กต์ที่คุณรับผิดชอบในฐานะนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่ Expert-Programming-Tutor คุณจะได้พบกับร่องรอยของแนวทางการเขียนโปรแกรมที่จะให้คำแนะนำและเป็นไกด์ไลน์ในการพัฒนาทักษะของคุณไปอีกขั้น
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM