เริ่มต้นการพัฒนาแอปพลิเคชันไม่ใช่เพียงแค่การเขียนโค้ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกใช้แพลตฟอร์มในการโฮสต์และการจัดการบริการต่างๆด้วย Firebase และ Heroku เป็นสองแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสำหรับนักพัฒนาในยุคปัจจุบัน ทั้งคู่มีความสามารถในเรื่องของการสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชัน แต่นำเสนอความแตกต่างในเรื่องของฟีเจอร์ และวิธีการใช้งานที่สะท้อนถึงการเน้นย้ำด้านต่างๆของการพัฒนาระบบ
#### Firebase: แพลตฟอร์มทั้งหมดจาก Google
Firebase คือแพลตฟอร์มพัฒนาโมบายล์และเว็บแอปจาก Google ที่ให้บริการหลากหลายและมีการบูรณาการที่ราบรื่นกับคลาวด์ของ Google Firebase นำเสนอโซลูชั่นหลายประการที่ช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น การแจกจ่ายข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Realtime Database), การเก็บข้อมูลไฟล์ (Cloud Storage), และการรับส่งข้อความพุช (Cloud Messaging) นักพัฒนาสามารถใช้ Firebase เพื่อติดตามการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด และยังรวมถึงกลยุทธ์ในการเพิ่มผู้ใช้งานใหม่ (user acquisition), การเก็บฐานข้อมูลผู้ใช้งาน และการจำแนกผู้ใช้งานเป็นกลุ่มต่างๆ
จุดเด่นของ Firebase:
- บูรณาการโดยตรงกับบริการของ Google เช่น Google Analytics
- การตั้งค่าที่รวดเร็วและง่ายดาย
- ระบบการทำงานแบบ serverless ที่มีประสิทธิภาพ
- ฟีเจอร์ authentication ที่หลากหลายและใช้งานง่าย
- การสนับสนุนการทำงานแบบ offline
ตัวอย่างการใช้งาน Firebase กับการพัฒนาแอปพลิเคชันโดยมีโค้ดพื้นฐานในการตั้งค่า Realtime Database ในพื้นที่หน้าปลาย (Frontend):
// ตั้งค่าอ้างอิงไปยัง Realtime Database
var database = firebase.database();
// ส่งค่าไปยังฐานข้อมูล Firebase
function writeUserData(userId, name, email, imageUrl) {
firebase.database().ref('users/' + userId).set({
username: name,
email: email,
profile_picture: imageUrl
});
}
#### Heroku: สนามเด็กเล่นสำหรับนักพัฒนา
Heroku เป็นแพลตฟอร์มเป็นบริการ (Platform as a Service - PaaS) ที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้าง, จัดการ, และปรับขนาดแอปพลิเคชันได้ง่ายดาย แพลตฟอร์มนี้มีนิยมในหมู่นักพัฒนาที่ต้องการควบคุมทางด้านของเซิร์ฟเวอร์และระบบสภาพแวดล้อมการการทำงาน (runtime environment) เพิ่มขึ้น Heroku รองรับการทำงานของโปรแกรมภาษาต่างๆ เช่น Ruby, Java, Node.js, Scala, Clojure, Python และ PHP ด้วยการเป็น PaaS ข้อดีคือให้นักพัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่การเขย่าโค้ดของพวกเขาโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการฮาร์ดแวร์
จุดเด่นของ Heroku:
- รองรับการทำงานของหลายภาษาโปรแกรม
- ความสามารถในการจัดการซอฟต์แวร์และระบบสภาพแวดล้อม
- การเข้าถึง Add-ons ต่างๆที่ช่วยปรับปรุงแอปพลิเคชัน
- การปรับเปลี่ยนขนาดให้เหมาะกับการใช้งานได้อย่างอิสระ
- การมีระบบ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Deployment) ที่ให้การปรับปรุงโค้ดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างการใช้งาน Heroku ในการ deploy แอปพลิเคชัน Node.js แบบง่ายๆ:
# ล็อกอินเข้าใช้งาน Heroku ผ่าน CLI
heroku login
# สร้างแอปใหม่บน Heroku
heroku create
# ปรับการเปลี่ยนแปลงของแอปลงใน Git และ push ไปยัง Heroku
git add .
git commit -am "make it better"
git push heroku master
การเลือกใช้ Firebase หรือ Heroku มีความสำคัญเช่นเดียวกับการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานที่ต้องการ หากคุณเป็นนักพัฒนาที่มองหาแพลตฟอร์มที่มีบริการมาก
[Pland has been cut off]
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM