Accessibility หรือ Access Modifiers ในหลักการ Object-Oriented Programming (OOP) คือกลไกที่กำหนดขอบเขตของการเข้าถึง (สิทธิในการเข้าถึง) ตัวแปรและเมธอดในคลาสหนึ่งๆ ภายในหลักการ OOP มีการกำหนดระดับการเข้าถึงเพื่อควบคุมการเข้าถึงและปกป้องข้อมูล, เพื่อการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและลดการผูกขาดโครงสร้างของโปรแกรม (Encapsulation) สำหรับภาษา C# มีการใช้คำสั่งที่เรียกว่า access modifiers เพื่อกำหนดระดับการเข้าถึงเหล่านี้ ประกอบด้วย `public`, `private`, `protected`, `internal`, และ `protected internal`.
ภาษา C# เป็นภาษาที่ใช้ OOP เป็นหลัก ช่วยให้การเขียนโปรแกรมเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและสามารถนำไปใช้ซ้ำได้ง่าย (Reusability). ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง code ที่แสดงการใช้งาน access modifiers:
ตัวอย่างที่ 1: การกำหนด Access Modifier ใน Class
class Employee
{
public string Name; // สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่
private double salary; // เข้าถึงได้เฉพาะภายใน class Employee เท่านั้น
protected int age; // เข้าถึงได้ภายใน class นี้และ class ที่สืบทอดคุณสมบัติมา
public void SetSalary(double newSalary)
{
if(newSalary > 0.0)
{
salary = newSalary;
}
}
public double GetSalary()
{
return salary;
}
}
ตัวอย่างที่ 2: การใช้งาน Protected Member ใน Class ที่สืบทอด
class Manager : Employee
{
public void SetAge(int newAge)
{
// ใช้งานตัวแปรที่ถูกป้องกัน (protected) จากคลาสแม่ (Employee)
// สามารถใช้ได้เพราะ Manager สืบทอดมาจาก Employee
if(newAge > 0)
{
age = newAge;
}
}
}
Usecase ที่ 1: ระบบบริหารจัดการพนักงาน
ในระบบบริหารจัดการพนักงานของบริษัท ต้องการให้ข้อมูลเช่นเงินเดือนและอายุเป็นข้อมูลที่ป้องกันไม่ให้เข้าถึงได้จากภายนอกโดยตรง เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ในที่นี้ `private` และ `protected` modifiers จะช่วยทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้ครบถ้วนผ่านเมธอดที่ถูกกำหนดขึ้นในคลาส.
Usecase ที่ 2: ระบบลงทะเบียนหลักสูตรออนไลน์
ประกอบด้วยคลาสของผู้ใช้ (User) และคลาสของหลักสูตร (Course). Accessibility modifier `public` ใช้เพื่อแสดงชื่อผู้ใช้และหลักสูตรอย่างเปิดเผย ในขณะที่ข้อมูลละเอียดอื่นๆ เช่นเลขประจำตัวผู้ใช้จะถูกกำหนดเป็น `private` เพื่อความปลอดภัย. `protected` หรือ `internal` modifier อาจถูกใช้งานสำหรับคลาสที่ต้องการจำกัดการเข้าถึงภายใน package หรือ assembly ตามลักษณะการเข้าถึงที่ต้องการ.
Accessibility ใน OOP ช่วยให้การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและฟังก์ชันต่างๆ ภายในแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นักพัฒนาต้องเข้าใจและใช้ประโยชน์จากมันให้เหมาะสมเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญและสร้างโครงสร้างโปรแกรมที่มีคุณภาพ. หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาซอฟท์แวร์ที่มีคุณภาพ หรือการใช้วิธีการป้องกันและ encapsulation ในการเขียนโค้ด แนะนำให้สมัครเรียนที่ EPT เพื่อเป็นขั้นตอนแรกสู่การเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์มืออาชีพ.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: oop accessibility access_modifiers c# encapsulation public private protected internal protected_internal programming object-oriented_programming encapsulation security
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM