การใช้งาน SHA-256 hash algorithm ในภาษา C# แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง

# การใช้งาน SHA-256 ในภาษา C#: แนวทางและตัวอย่างการใช้งาน

การเข้ารหัสข้อมูลด้วย SHA-256 (Secure Hash Algorithm 256-bit) ในภาษา C# เป็นการประยุกต์ใช้แฮชฟังก์ชันที่มีความปลอดภัยสูงในการตรวจสอบความถูกต้องและไม่มีการแก้ไขข้อมูลที่ส่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเก็บรหัสผ่านและเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบต่างๆ ในบทความนี้เราจะพาไปดูวิธีการใช้ SHA-256 ในภาษา C# พร้อมด้วยตัวอย่างโค้ดเพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น และหากคุณสนใจที่จะศึกษาเรื่องระบบการเข้ารหัสข้อมูลอย่างลึกซึ้งละกัน อย่าลืมมาเรียนกับเราที่ EPT นะจ๊ะ!

การทำงานของ SHA-256

SHA-256 เป็นส่วนหนึ่งของชุดฟังก์ชันแฮช SHA-2 ซึ่งดีไซน์โดย National Security Agency (NSA) ของสหรัฐอเมริกา มันจะสร้างผลลัพธ์ที่เรียกว่า "แฮชบล็อก" ที่มีขนาดความยาวคงที่ 256 บิตหรือ 64 ตัวอักษร HEX (ฐาน 16) ไม่ว่าข้อมูลต้นฉบับจะมีความยาวเท่าใด ลักษณะนี้รับประกันได้ว่าข้อมูลไม่สามารถถูกถอดแฮชได้ และยากต่อการทำให้สองข้อมูลต่างกันได้แฮชที่เหมือนกัน (collision resistance) จึงถือเป็นวิธีที่มีความเสถียรและปลอดภัยสูงในการเก็บข้อมูลลับหรือสำคัญ

การใช้ SHA-256 ในภาษา C#

ในภาษา C# .NET Framework และ .NET Core ได้รวมไลบรารี System.Security.Cryptography มาให้อยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้การใช้งานฟังก์ชัน SHA-256 เป็นไปอย่างง่ายดาย ต่อไปนี้คือตัวอย่างโค้ดที่แสดงวิธีการใช้ SHA-256:

ตัวอย่างโค้ดที่ 1: การสร้างแฮชจากสตริง

 using System;
using System.Text;
using System.Security.Cryptography;

class Program
{
    static void Main()
    {
        string originalMessage = "EPT คือที่สุดของการเรียนรู้การเขียนโปรแกรม!";
        string hashedMessage;

        using (SHA256 sha256Hash = SHA256.Create())
        {
            hashedMessage = GetHash(sha256Hash, originalMessage);
        }

        Console.WriteLine($"ข้อความดั้งเดิม: {originalMessage}");
        Console.WriteLine($"ข้อความหลังแฮชด้วย SHA-256: {hashedMessage}");
    }

    static string GetHash(HashAlgorithm hashAlgorithm, string input)
    {
        // Convert the input string to a byte array and compute the hash.
        byte[] data = hashAlgorithm.ComputeHash(Encoding.UTF8.GetBytes(input));

        // Create a new StringBuilder to collect the bytes
        // and create a string.
        var sBuilder = new StringBuilder();

        // Loop through each byte of the hashed data
        // and format each one as a hexadecimal string.
        for (int i = 0; i < data.Length; i++)
        {
            sBuilder.Append(data[i].ToString("x2"));
        }

        // Return the hexadecimal string.
        return sBuilder.ToString();
    }
}

ตัวอย่างโค้ดที่ 2: การตรวจสอบข้อความด้วยแฮช SHA-256

 static bool VerifyHash(HashAlgorithm hashAlgorithm, string input, string hash)
{
    // Hash the input.
    var hashOfInput = GetHash(hashAlgorithm, input);

    // Create a StringComparer and compare the hashes.
    StringComparer comparer = StringComparer.OrdinalIgnoreCase;

    return comparer.Compare(hashOfInput, hash) == 0;
}

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะสร้างแฮชและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วย SHA-256 ในภาษา C# ได้แล้ว

ตัวอย่างโค้ดที่ 3: การเข้ารหัสรหัสผ่าน

 // ตัวอย่างการเข้ารหัสรหัสผ่าน
string password = "Pa$$w0rd";
string hashedPassword;

using (SHA256 sha256Hash = SHA256.Create())
{
    hashedPassword = GetHash(sha256Hash, password);
}

Console.WriteLine($"รหัสผ่านที่เข้ารหัสแล้ว: {hashedPassword}");

Usecase ในโลกจริง

การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมและการใช้งานทฤษฎีความปลอดภัยเบื้องหลังอาจฟังดูซับซ้อน แต่ที่ EPT เราเชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เข้าใจและนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ได้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพและปลอดภัย หากคุณอยากจะยกระดับทักษะความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมของคุณ อย่ามัวรอช้า มาเรียนรู้ไปพร้อมกับเราที่ EPT กันเถอะ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง