# สายงาน Cloud Engineer คืออะไร ทำหน้าที่อะไร อยากเป็น ต้องรู้อะไรบ้าง
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว คลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) กลายเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรต่างๆ ด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนตัว (flexibility), การเข้าถึงข้อมูลแบบทันที และความประหยัดด้านต้นทุน ทำให้สายงาน Cloud Engineer หรือวิศวกรระบบคลาวด์เป็นหนึ่งในวิชาชีพที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงานไอทีปัจจุบัน
Cloud Engineer คือผู้มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ, การจัดการ, การบำรุงรักษา, และสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์คอมพิวติง รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ เพื่อให้บริการและโซลูชันต่างๆ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิศวกรระบบคลาวด์มีหน้าที่หลักในการคิดค้นและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ รวมทั้ง:
- การติดตั้งและกำหนดค่าระบบเครือข่ายคลาวด์
- การบริหารจัดการเซิฟเวอร์และบริการสตอเรจบนคลาวด์
- การจัดการความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์
- การให้คำปรึกษากับลูกค้าเกี่ยวกับโซลูชันคลาวด์ที่เหมาะสมกับธุรกิจ
- การพัฒนาออโตเมชันสำหรับการปรับใช้และการบำรุงรักษาแอปพลิเคชันบนคลาวด์
เพื่อเป็นวิศวกรระบบคลาวด์ที่มีคุณภาพ คุณจะต้องมีความรู้และทักษะที่หลากหลาย:
1. ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
Cloud Engineers ควรมีความสามารถในการเขียนโค้ดเพื่อสร้างและจัดการแอปพลิเคชันบนคลาวด์ การรู้จักภาษาโปรแกรมกระแสหลัก เช่น Python, Java, หรือ Go, คือพื้นฐานที่สำคัญ
2. ความรู้ด้านระบบคลาวด์
มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบริการคลาวด์ยอดนิยม เช่น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure, หรือ Google Cloud Platform (GCP)
3. การจัดการระบบและเครือข่าย
รวมถึงการตั้งค่าและการบำรุงรักษาเครื่องแม่ข่าย (servers) การจัดการเครือข่าย, และการบริหารจัดการเซิฟเวอร์เสมือน (virtual servers)
4. ความเข้าใจในการทำงานแบบ DevOps
การเข้าใจกระบวนการ DevOps และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง, เช่น Docker, Kubernetes, CI/CD (Continuous Integration/Continuous Deployment), เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาและปรับปรุงระบบคลาวด์
5. ความรู้ด้านความปลอดภัยของข้อมูล
การป้องกันและการจัดการกับความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์เป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญของงานนี้
หนึ่งในการทำงานของ Cloud Engineer คือการออกแบบและการปรับใช้งานแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมคลาวด์ เช่นการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันและการบำรุงรักษาโดยใช้เครื่องมืออัตโนมัติ เช่น Terraform หรือ AWS CloudFormation.
resource "aws_instance" "example" {
ami = "ami-0c55b159cbfafe1f0"
instance_type = "t2.micro"
tags = {
Name = "HelloWorld"
}
}
โค้ดข้างต้นเป็นตัวอย่างของการใช้ Terraform เพื่อสร้างเซิฟเวอร์เสมือนบน AWS ซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ ของการปรับใช้แอปพลิเคชันบนคลาวด์
การเป็น Cloud Engineer ไม่ได้หมายความเพียงแค่การทำงานกับเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว หากแต่ยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการเสนอโซลูชันใหม่ๆ และการปรับใช้เครื่องมือ และเทคนิคเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของธุรกิจมีชีวิตอยู่ในโลกไอทีได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่สนใจในสายงานนี้ การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นจะเป็นก้าวแรกที่ดี และหากคุณมุ่งมั่น, โลกที่เต็มไปด้วยคลาวด์คอมพิวติงจะเป็นสถานที่ที่คุณสามารถแสดงความสามารถและนำพาการพัฒนาไปสู่ระดับต่อไปได้อย่างแน่นอน.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: cloud_engineer cloud_computing aws microsoft_azure google_cloud_platform devops programming_languages python java go terraform docker kubernetes ci/cd
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com