เริ่มต้นกันที่ตัวคำว่า "loop" หรือ วนซ้ำ ในภาษาโปรแกรมมิ่ง คือ คำสั่งที่ช่วยให้เราทำงานที่เหมือนกันซ้ำๆ ได้หลายๆ ครั้งโดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกคำกำกับที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ "if-else" ซึ่งเป็นเงื่อนไขขั้นพื้นฐานที่กำหนดว่าโปรแกรมควรทำงานอย่างไรเมื่อเงื่อนไขเป็นจริงหรือเป็นเท็จ
เมื่อนำ "loop" มาควบคู่กับ "if-else" ภายใน loop นั่น, เรามาได้รูปแบบการควบคุมการทำภารกิจที่มีประสิทธิภาพสูง นี่คือการใช้งาน loop ที่จะดำเนินการซ้ำๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เรากำหนดไว้ด้วย if-else ซึ่งทำให้โค้ดของเรามีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่แตกต่างกันได้
ตัวอย่างการใช้ loop และ if-else ใน Python:
ตัวอย่างที่ 1: การนับช่วงเวลา
กำหนดให้เราต้องการนับเลข 1 ถึง 10 แต่ถ้าเลขไหนหารด้วย 2 ลงตัว ให้แสดงข้อความว่า "เลขคู่". ดังโค้ดตัวอย่างต่อไปนี้:
for number in range(1, 11):
if number % 2 == 0:
print(f"{number} เป็นเลขคู่")
else:
print(number)
ในโค้ดด้านบน, เราใช้ `for` loop ที่จะวนซ้ำโดยมีเลขตั้งแต่ 1 ถึง 10 กำหนดไว้ใน `range`. ภายใน loop, เราตรวจสอบค่าของ `number` ว่าหารด้วย 2 แล้วเหลือเศษหรือไม่ด้วยเงื่อนไข if-else. ถ้าเหลือเศษเป็น 0 (หมายถึงเป็นเลขคู่), แสดงข้อความตามที่กำหนดไว้.
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: loop if-else python programming control_flow conditional_statements for_loop example nested_loops flexible_coding efficient_coding
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com