เมื่อพูดถึงการพัฒนาเว็บหรือแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ JavaScript คือหนึ่งในภาษาที่ได้รับความนิยมที่สุดในหมู่นักพัฒนา เนื่องจากการทำงานที่ยืดหยุ่น และความสามารถในการจัดการงานแบบ asynchronous หรือการทำงานแบบไม่พร้อมกัน ทำให้เราสามารถพัฒนาโปรแกรมที่ตอบสนองได้รวดเร็วมากขึ้น
ในโลกของการพัฒนาโปรแกรม asynchronous นั้น แนวคิดหนึ่งที่มักจะถูกพูดถึงคือ "asynchronous programming" โดยประกอบด้วยสององค์ประกอบสำคัญคือ async และ await ซึ่งทั้งสองเป็นคำสั่งใน JavaScript ที่ช่วยให้การทำงานในรูปแบบไม่พร้อมกันง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ใน JavaScript การทำงานแบบ asynchronous คือการที่เราสามารถสั่งให้โค้ดวิ่งไปข้างหน้าก่อนที่งานหนึ่ง ๆ จะเสร็จสิ้น ตัวอย่างเช่น การดึงข้อมูลจาก API เราไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อมูลเสร็จสิ้นก่อนจะรับคำตอบจาก server แต่เราสามารถทำงานอื่น ๆ ได้ไปก่อนในระยะเวลาเดียวกัน
Callbacks และ Promises
ก่อนที่จะมี async และ await การทำงานแบบ asynchronous มักได้รับการจัดการด้วย "callbacks" ซึ่งมีลักษณะเป็นฟังก์ชันที่จะถูกเรียกเมื่อข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่ต้องการถูกดำเนินการเสร็จสิ้น แต่ข้อเสียของ callbacks คือเกิดการซ้อนกันของโค้ดที่เรียกว่า "Callback Hell" ซึ่งทำให้โค้ดเข้าใจยาก
Promises เข้ามาแก้ปัญหานี้ด้วยการจัดการ asynchronous flow ให้เป็นเส้นตรงและชัดเจนยิ่งขึ้น มาพร้อมสัญญาว่าโค้ดเหล่านั้นจะสำเร็จ หรือไม่สำเร็จในอนาคต โดยมีฟังก์ชันหลักที่ใช้งานคือ `.then()` และ `.catch()`
Async และ Await
เพื่อให้การจัดการกับ asynchronous operation ยิ่งง่ายขึ้น JavaScript ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้เราสามารถใช้ async และ await ในการเขียนโค้ดให้ดูเรียบง่ายและชัดเจน
#### การใช้ async Function
ฟังก์ชันใด ๆ ที่ประกาศด้วย async จะทำงานในรูปแบบ asynchronous โดย return ค่ากลับมาเป็น Promise หากนันจะถูก resolve ได้เป็นค่าคำตอบ หรือหากมี error จะถูก reject
async function fetchData() {
const response = await fetch('https://api.example.com/data');
const data = await response.json();
return data;
}
ในตัวอย่างข้างบน ฟังก์ชัน `fetchData` จะ `await` หรือรอการทำงานของ `fetch` และ `response.json()` ให้เสร็จสิ้น ก่อนจะไปทำการขั้นตอนต่อไปในฟังก์ชัน
#### การใช้ await
คำสั่ง `await` ใช้งานได้เฉพาะภายในฟังก์ชันที่ประกาศด้วย async มันช่วยให้เราสามารถ "รอ" การทำงานของ Promise ให้สำเร็จก่อนที่จะดำเนินการคำสั่งถัดไป
async function getUserData(userId) {
try {
const response = await fetch(`https://api.example.com/user/${userId}`);
const user = await response.json();
console.log(user);
} catch (error) {
console.error('Error fetching user data:', error);
}
}
ในตัวอย่างนี้ `await fetch` ทำให้เราสามารถดึงข้อมูลจาก URL และมั่นใจว่า `response.json()` จะรอการทำงานให้เสร็จก่อนที่จะ return ข้อมูลของผู้ใช้ได้
ข้อดีของการใช้ async และ await
- ทำให้โค้ดอ่านง่ายขึ้น: การใช้ async และ await จะทำให้โค้ดที่ทำงานแบบ asynchronous ดูเหมือนกับ synchronous ทำให้การอ่านและการตรวจสอบง่ายขึ้น - การจัดการ Error ง่ายดาย: ด้วยการจัดการ error ผ่าน `try-catch` เราสามารถตรวจจับข้อผิดพลาดได้ง่ายกว่า - ความคล้ายคลึงกับการทำงานในภาษาอื่นๆ: นักพัฒนาที่คุ้นเคยกับการเขียนโค้ดในภาษาอื่นๆ จะคุ้นชินกับการใช้งานรูปแบบ async/await ซึ่งทำให้เส้นโค้งการเรียนรู้ลดลง
ลองพิจารณากรณีที่คุณต้องการสร้าง dashboard ที่แสดงข้อมูลต่าง ๆ จากหลาย API คุณสามารถใช้ async และ await มาจัดการกับคำขอแบบหลายครั้งพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย เช่น:
async function loadDashboard() {
try {
const [userData, productData] = await Promise.all([
fetchUserData(),
fetchProductData()
]);
displayUserData(userData);
displayProductData(productData);
} catch (error) {
console.error('Error loading dashboard:', error);
}
}
ในตัวอย่างนี้ เราส่งคำขอหลายๆ คำขอพร้อมกัน และรอให้ทั้งหมดสำเร็จด้วย `Promise.all()` ก่อนจะไปดึงข้อมูลมาแสดงผล
การเรียนรู้และพัฒนา software ในสมัยใหม่เน้นความเร็วและความคล่องตัว Async และ await ของ JavaScript ทำให้กระบวนการพัฒนาโปรแกรมเป็นไปอย่างสะดวกและไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ มันยังทำให้คุณสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าให้กับผู้ใช้ได้
หากคุณสนใจที่จะพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรม JavaScript และการจัดการ asynchronous programming Expert-Programming-Tutor (EPT) มีหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้กับคุณ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและศักยภาพในการทำงานโปรแกรมให้กับคุณอย่างแน่นอน!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM