JavaScript เป็นหนึ่งในภาษาการเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคสมัยนี้ และเป็นภาษาหลักในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่ทันสมัยและโต้ตอบได้ดี ด้วยความที่ JavaScript เป็นภาษาที่ทำงานแบบ single-threaded ทำให้ต้องมีการใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการจัดการกับงานที่ใช้เวลานานเช่นการอ่านไฟล์หรือการเรียก API ภายนอก
หนึ่งในแนวคิดที่เป็นหัวใจของการทำงานใน JavaScript ก็คือการทำงานแบบ Synchronous และ Asynchronous ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักพัฒนาโปรแกรมจำเป็นต้องเข้าใจ เพราะว่ามันจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับโปรแกรมของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองอย่างรวดเร็ว
ในการทำงานแบบ Synchronous นั้น คำสั่งต่างๆ จะถูกดำเนินการเป็นลำดับ ก็คือ การทำงานหนึ่งจะต้องเสร็จสมบูรณ์ก่อนที่การทำงานถัดไปจะเริ่มต้น กล่าวคือ ถ้าหากมีการดำเนินงานที่ใช้เวลานานเช่นการอ่านไฟล์ขนาดใหญ่หรือการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล คำสั่งที่ตามมาจะต้องรอจนกว่าการดำเนินงานนั้นจะเสร็จสมบูรณ์ก่อน ด้วยเหตุนี้ การทำงานแบบ Synchronous จึงอาจทำให้โปรแกรมของคุณหยุดชะงักได้ชั่วคราวในสถานการณ์ดังกล่าว
ตัวอย่างการทำงานแบบ Synchronous ใน JavaScript:
console.log('Start');
function delaySync(millis) {
const start = Date.now();
while (Date.now() - start < millis) {
// รอจนกว่าจะหมดเวลา
}
}
delaySync(3000); // รอ 3 วินาที
console.log('End');
จากโค้ดนี้ เราจะเห็นว่าโปรแกรมจะพิมพ์ "Start" จากนั้นจะรอ (หยุด) เป็นเวลา 3 วินาที และจึงพิมพ์ "End"
ในทางตรงกันข้าม การทำงานแบบ Asynchronous จะช่วยให้โปรแกรมสามารถจัดการกับกระบวนการแยกต่างหากพร้อมๆ กันได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้การทำงานหนึ่งเสร็จสมบูรณ์ก่อน อีกนัยหนึ่งคือคำสั่งที่ทำงานได้เองอิสระ ทำให้การทำงานทั้งหมดไม่ถูกบล็อก
การทำงานแบบ Asynchronous มักใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Callback, Promise และ Async/Await ซึ่งช่วยให้โค้ดมีความกระชับและอ่านง่ายมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการทำงานแบบ Asynchronous ผ่านใช้ `setTimeout`:
console.log('Start');
setTimeout(() => {
console.log('Execute after 3 seconds');
}, 3000);
console.log('End');
ในตัวอย่างนี้ คำสั่ง `setTimeout` ทำให้โค้ดไม่ถูกบล็อกระหว่างรอ 3 วินาที ซึ่งจะช่วยให้ "End" ถูกพิมพ์ก่อนที่จะทำการพิมพ์ข้อความใน `setTimeout`
Promises และ Async/Await
หนึ่งในความสามารถที่ทรงพลังของ JavaScript ในการจัดการกับการทำงานแบบ Asynchronous คือการใช้ Promise และการสร้างโค้ดแบบ Async/Await
ตัวอย่างการใช้ Promise:
function performAsyncTask() {
return new Promise((resolve, reject) => {
setTimeout(() => {
resolve('Task completed');
}, 3000);
});
}
performAsyncTask().then(message => {
console.log(message);
}).catch(error => {
console.error(error);
});
และถ้าเป็น Async/Await โค้ดจะเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น:
async function performTask() {
try {
const message = await performAsyncTask();
console.log(message);
} catch (error) {
console.error(error);
}
}
performTask();
ด้วยการใช้ Async/Await นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ดที่ลักษณะการอ่านและการทำตามลำดับนั้นเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงการเขียนโค้ดแบบ Synchronous มากขึ้น
การทำงานแบบ Synchronous และ Asynchronous ใน JavaScript นั้นต่างมีประโยชน์และเหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ความเข้าใจในวิธีการใช้งานเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักพัฒนาในปัจจุบัน เนื่องจากการพัฒนาเว็บและแอปพลิเคชันที่ต้องทำงานร่วมกับ API ภายนอกและจัดการกับกระบวนการที่ใช้เวลานานๆ นั้นมีความจำเป็นในการใช้งานแบบ Asynchronous มากขึ้น
การเรียนรู้เกี่ยวกับโปรแกรม Asynchronous จะช่วยให้คุณเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพและเป็นมืออาชีพได้ หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการทำความเข้าใจด้าน JavaScript, การจัดการกับโปรแกรมที่ซับซ้อนหรือการสร้างเว็บแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ หรือเข้าร่วมหลักสูตรที่มีโครงสร้างชัดเจนเช่นที่โรงเรียนสอนเขียนโปรแกรมอย่าง EPT (Expert-Programming-Tutor) ซึ่งพร้อมที่จะให้ความรู้และสนับสนุนคุณในการเดินทางสายอาชีพโปรแกรมเมอร์ของคุณ
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM