หัวข้อ: โครงสร้าง JSON ที่ซ้อนกัน (Nested JSON) กับโครงสร้างแบบเรียบ (Flattened JSON)
JSON หรือ JavaScript Object Notation เป็นรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปัจจุบัน ด้วยความเรียบง่ายในการอ่านและเขียนของคนและเครื่อง ซึ่ง JSON ถูกนำไปใช้ในงานต่างๆ เช่น การรับส่งข้อมูลระหว่าง Client กับ Server ใน Web Application งานประเภท API ที่มีการสื่อสารกันระหว่างระบบ และอีกมากมาย
หนึ่งในประเด็นที่หลายคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับ JSON ควรคำนึงถึงคือ โครงสร้างของ JSON ที่ควรเลือกใช้ ซึ่งหลักๆ สามารถแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ โครงสร้างข้อมูลที่ซ้อนกัน (Nested JSON) และโครงสร้างข้อมูลที่เรียบ (Flattened JSON)
ลักษณะ
Nested JSON เป็นโครงสร้างที่ประกอบด้วย JSON objects อยู่ภายใน JSON objects อื่นๆ ซึ่งทำให้ข้อมูลมีลักษณะซับซ้อน ตามระดับของการซ้อนที่มากขึ้น ตัวอย่างของ Nested JSON สามารถพบได้ในการเก็บข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันลึกๆ เช่น ข้อมูลของผู้ใช้ที่มีอยู่หลายระดับ เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลติดต่อ และประวัติการทำงาน
ข้อดี
- สามารถจัดกลุ่มข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน: การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันเป็นกลุ่มใน Nested JSON ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน - โครงสร้างชัดเจน: เหมาะสำหรับข้อมูลที่ต้องการแสดงความสัมพันธ์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน เพราะช่วยให้สามารถมองเห็นข้อมูลในลักษณะที่เป็นต้นไม้ (Tree Structure)ข้อเสีย
- ยากต่อการประมวลผล: การเขียนโค้ดเพื่อจัดการข้อมูลในรูปของ Nested JSON อาจจะซับซ้อนเนื่องจากต้องทำการเข้าถึงข้อมูลผ่านหลายระดับ - ประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล: อาจทำให้การประมวลผลยุ่งยากและใช้เวลามากเมื่อข้อมูลฝังอยู่หลายระดับตัวอย่าง
{
"user": {
"name": "สมชาย แซ่ลิ้ม",
"address": {
"street": "123 ถนนสุขุมวิท",
"city": "กรุงเทพมหานคร"
},
"contact": {
"email": "somchai@mail.com",
"phone": "081-234-5678"
}
}
}
ลักษณะ
Flattened JSON เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ลดการซ้อนให้น้อยที่สุด หรือกำจัดการซ้อนไปเลย โดยการรวมข้อมูลทุกระดับให้อยู่ในระดับเดียว เทคนิคนี้สามารถทำได้โดยใช้การตั้งชื่อที่สะท้อนถึงโครงสร้างเชิงลำดับชั้น ตัวอย่างเช่น ใช้เส้นขีดล่างหรือจุดเพื่อระบุความสัมพันธ์กันระหว่างฟิลด์
ข้อดี
- ประมวลผลได้ง่ายกว่า: ง่ายต่อการเข้าถึงและดำเนินการข้อมูลเนื่องจากข้อมูลทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกัน - สะดวกในการใช้งานร่วมกับเครื่องมือ: ตัวอย่างเช่น การใช้งานข้อมูลในตารางฐานข้อมูล หรือการแสดงผลใน spreadsheetข้อเสีย
- ลดความกระจ่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของข้อมูล: เมื่อมีการแบนข้อมูล ความสัมพันธ์และโครงสร้างดั้งเดิมของข้อมูลอาจสูญเสียไป - ข้อมูลซ้ำซ้อน: อาจมีการทำซ้ำข้อมูลบางอย่างที่พบในหลายระดับของโครงสร้างการซ้อนเดิมตัวอย่าง
{
"user_name": "สมชาย แซ่ลิ้ม",
"user_street": "123 ถนนสุขุมวิท",
"user_city": "กรุงเทพมหานคร",
"user_email": "somchai@mail.com",
"user_phone": "081-234-5678"
}
เมื่อควรใช้ Nested JSON
- เมื่อข้อมูลมีความซับซ้อนและมีความสัมพันธ์กันหลายระดับ
- เมื่อการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เป็นลำดับชั้นจะช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อควรใช้ Flattened JSON
- เมื่อข้อมูลต้องการการประมวลผลรวดเร็ว และมีการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะจุด
- เมื่อข้อมูลต้องถูกแปลงไปใช้งานในรูปแบบที่จำเป็นต้องมีการเรียบเรียงในระดับเดียวกัน เช่น การโหลดเข้าสู่ตารางฐานข้อมูล หรือการใช้งาน API ที่ต้องการข้อมูลแบบเรียบ
การเลือกใช้โครงสร้าง JSON ที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการประมวลผลข้อมูลและการทำงานร่วมกับระบบอื่นๆ การเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของทั้ง Nested และ Flattened JSON ช่วยให้นักพัฒนาสามารถตัดสินใจเลือกใช้งานโครงสร้างที่เหมาะสมกับบริบทได้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการและการสร้างโครงสร้าง JSON ที่มีประสิทธิภาพ คอร์สเรียนต่างๆ ที่ EPT ก็พร้อมจะช่วยเสริมสร้างทักษะด้านนี้ให้กับคุณ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM