ข้อผิดพลาดทั่วไปในไวยากรณ์ JSON
JSON (JavaScript Object Notation) เป็นรูปแบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เบาบางและมีโครงสร้างแบบธรรมดาที่นักพัฒนาใช้กันอย่างแพร่หลายในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์และเว็บแอปพลิเคชัน ความนิยมของ JSON เกิดจากความง่ายในการอ่านและการสร้าง แต่ถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย นักพัฒนามักพบข้อผิดพลาดหลายประการในไวยากรณ์ของ JSON ที่อาจทำให้โปรแกรมทำงานไม่ถูกต้องหรือหยุดทำงานได้ ในบทความนี้ เราจะสำรวจข้อผิดพลาดทั่วไปในไวยากรณ์ JSON และวิธีการแก้ไข พร้อมทั้งตัวอย่างโค้ดที่ชัดเจน
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดในการเขียน JSON คือการใช้เครื่องหมายคำพูดที่ไม่ถูกต้อง ใน JSON ทุกชื่อค่า (keys) ต้องอยู่ในเครื่องหมายคำพูดคู่ ("") เช่น:
{
"name": "John Doe",
"age": 30
}
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือการใช้เครื่องหมายคำพูดเดี่ยว ('') หรือการละเว้นเครื่องหมายคำพูดเลย เช่น:
// ข้อผิดพลาด
{
'name': 'John Doe', // ใช้เครื่องหมายคำพูดเดี่ยว
age: 30 // ไม่มีเครื่องหมายคำพูด
}
อีกข้อผิดพลาดหนึ่งที่พบบ่อยคือการใช้เครื่องหมายจุลภาคอย่างไม่เหมาะสม เครื่องหมายจุลภาคต้องถูกใช้อย่างถูกต้องระหว่างคู่ของ key-value แต่ไม่ควรมีเครื่องหมายจุลภาคหลังจากค่าหรือข้อมูลสุดท้ายในอาร์เรย์หรือวัตถุ
{
"name": "John Doe",
"age": 30, // ข้อผิดพลาด, เครื่องหมายจุลภาคส่วนเกิน
}
การลืมใส่เครื่องหมายจุลภาคหลังจากคู่ของ key-value ก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยด้วย เช่น:
// ข้อผิดพลาด
{
"name": "John Doe"
"age": 30
}
JSON สนับสนุนประเภทข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ สตริง, ตัวเลข, วัตถุ, อาร์เรย์, โบลิน (true/false) และ null ข้อผิดพลาดมักเกิดจากการใช้หรือแสดงค่าตัวเลขเป็นสตริงโดยไม่จำเป็น ปัญหานี้อาจไม่ทำให้ JSON ไวยากรณ์ไม่ถูกต้องแต่จะส่งผลต่อการประมวลผลข้อมูล เช่น:
{
"age": "30" // แทนที่จะเป็นตัวเลขธรรมดาคือ 30
}
การลืมปิดวงเล็บเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เกิดปัญหาโดยไม่คาดคิดบ่อยครั้ง
// ข้อผิดพลาด
{
"name": "John Doe"
"age": 30
JSON ไม่รองรับการใช้ค่าว่างเปล่าแบบเดียวกับในบางภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น JavaScript ที่อนุญาตให้มี undefined ใน JSON ค่าเหล่านี้จะต้องถูกแทนด้วย `null`
{
"address": null
}
ในทางปฏิบัติเว็บแอปพลิเคชันหลายแห่งจะต้องใช้ JSON ในการรับข้อมูลจาก API ผ่านการเขียนโปรแกรม ในกรณีที่ JSON ไม่สมบูรณ์ API มักจะส่งข้อความผิดพลาดกลับมา ตัวอย่างเช่น เมื่อทำการเรียก API ที่รองรับ GET และ POST ไม่ถูกต้องก็จะไม่สามารถดึงข้อมูลที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างโค้ดการใช้ JSON
function fetchUserData() {
fetch('https://api.example.com/user')
.then(response => response.json())
.then(data => {
console.log("User Name: ", data.name);
console.log("User Age: ", data.age);
})
.catch(error => console.error('Error:', error));
}
fetchUserData();
จากตัวอย่างการเรียก API ด้านบน การทำให้ JSON ถูกต้องตามไวยากรณ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก หากข้อมูล JSON มีการส่งด้วยไวยากรณ์ที่ผิดพลาด มันจะแสดงผลเป็นข้อผิดพลาดทันทีในขั้นตอนการแปลงข้อมูล
การเข้าใจและรู้จักข้อผิดพลาดทั่วไปของ JSON จะช่วยนักพัฒนาในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้โปรแกรมสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น การเรียนรู้ไวยากรณ์และโครงสร้าง JSON เป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนรู้การพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะใน EPT เรามีหลักสูตรการเขียนโปรแกรมที่ครอบคลุมซึ่งเน้นการใช้งาน JSON ในสภาพแวดล้อมที่ใช้งานจริง สนใจสามารถค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรของเราได้!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM