ในยุคที่ข้อมูลดิจิทัลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลก็ยิ่งมีความสำคัญตามมา ด้วยเหตุนี้การใช้ hash algorithm เช่น SHA-256 (Secure Hash Algorithm 256-bit) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของเราจะปลอดภัยจากการถูกโจมตีหรือถูกแก้ไข
SHA-256 เป็นหนึ่งใน hash function ที่ถูกพัฒนาโดย NIST (National Institute of Standards and Technology) และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว SHA-2 ซึ่งเป็นการอัพเกรดมาจาก SHA-1 ที่ได้มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีโดยการทำให้เกิดการชนกัน (collision) และการปรับให้มีความยากต่อการเดาค่าของ hash
ขนาดของการจัดเก็บ hash ใช้ความยาว 256 บิต ซึ่งจะมีค่าเป็น 32 ไบต์ต่อ blockchain, digital signature, password storage และอื่นๆ โดยสำหรับ Ruby นั้น ใช้งานได้ง่ายมากๆ
เราสามารถใช้งาน SHA-256 ในภาษา Ruby ได้ผ่าน `Digest` module ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Ruby Standard Library ทำให้การใช้งานไม่ต้องติดตั้ง gem ใด ๆ เพิ่มเติม
ติดตั้ง Ruby
หากคุณยังไม่มี Ruby สามารถดาวน์โหลดได้ที่ [official website ของ Ruby](https://www.ruby-lang.org/en/downloads/) และติดตั้งตามขั้นตอน
ตัวอย่าง Code การใช้งาน SHA-256
อธิบายการทำงาน
1. นำเข้า Digest Module: หัวใจของการใช้งาน SHA-256 ใน Ruby คือการใช้ `require 'digest'` พร้อมรวบรวมการทำงานของ hash library ที่มีอยู่ภายใน Ruby 2. ตั้งค่าข้อมูล: โดยในที่นี้เราจะใช้ข้อความ “Hello, EPT! Welcome to the world of programming.” 3. แฮชข้อมูล: เมื่อต้องการแฮชข้อมูลให้เราเรียกใช้ `Digest::SHA256.hexdigest(data)` โดยที่ `data` คือข้อมูลที่เราต้องการแฮช 4. แสดงผลลัพธ์: เราจะได้ค่าผลลัพธ์ของ hash ซึ่งแต่ละครั้งที่เราใส่ข้อมูลเดียวกัน ฟังก์ชันนี้จะคืนค่าที่เหมือนกันเสมอตัวอย่างใช้เยอะที่คุ้มค่าในโลกจริง
1. การจัดเก็บรหัสผ่าน: ในการเก็บรักษารหัสผ่านของผู้ใช้ เราสามารถใช้ SHA-256 เพื่อสร้าง hash จากรหัสผ่านเหล่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์ดึงข้อมูลรหัสผ่านที่แท้จริงออกมา - รหัสผ่านที่ไม่ถูกจัดเก็บ: เนื่องจากรหัสผ่านถูกแฮชไว้ หากแฮกเกอร์โจมตีระบบฐานข้อมูล รหัสผ่านจะไม่มีวันถูกเปิดเผย 2. การยืนยันความถูกต้อง: โปรแกรมหรือเว็บแอปพลิเคชันที่ต้องการยืนยันความถูกต้องของข้อมูล เช่น บล็อกเชน จะใช้ SHA-256 เพื่อป้องกันการตบตาหรือการดัดแปลงข้อมูล - การตรวจสอบ Integrity: ระบบจะสามารถระบุความผิดปกติได้โดยง่าย หากมีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูล 3. Digital Signature: ใช้เพื่อสร้างและตรวจสอบ digital signature ที่สำคัญในกระบวนการทำธุรกรรม สำหรับการรักษาความถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้รับการรับรอง - การยืนยันตัวบุคคล: ลดความเสี่ยงจากการแอบอ้างหรือดัดแปลงข้อมูลการทำธุรกรรม
SHA-256 เป็นอัลกอริธึมที่ยอดเยี่ยมในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและใช้งานง่ายใน Ruby โดยการแฮชสามารถใช้ประโยชน์ได้ในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บรหัสผ่าน การตรวจสอบความถูกต้อง หรือการสร้าง digital signature ที่ช่วยป้องกันการถูกโจมตี
หากคุณสนใจที่จะศึกษาต่อเกี่ยวกับความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมและการใช้แนวทางที่ถูกต้องในการพัฒนาโปรแกรม เราขอเชิญชวนคุณมาที่ EPT (Expert Programming Tutor) ที่นี่คุณจะได้รับความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่าในโลกของการพัฒนาโปรแกรม
การมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมจะช่วยเสริมสร้างโอกาสในการทำงาน และพัฒนาตนเองไปสู่จุดสูงสุดเพื่ออนาคตที่สดใส!
มาเริ่มต้นกันได้แล้ววันนี้ที่ EPT!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM