การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming - OOP) เป็นแนวทางที่ช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมมีความยืดหยุ่นและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น และใน OOP มีแนวคิดที่สำคัญอยู่หลายประการ หนึ่งในนั้นคือ Polymorphism ซึ่งหมายถึงความสามารถของวัตถุในการใช้ฟังก์ชันเดียวกัน แต่นำไปใช้กับอ็อบเจ็กต์ที่แตกต่างกันได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึงการใช้งาน Polymorphism ในภาษา Ruby พร้อมตัวอย่างโค้ดและใช้กรณีในโลกจริง เพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Polymorphism สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่:
1. Compile-time Polymorphism (Static Binding): เช่น Method Overloading (ภาษา Ruby จะไม่สนับสนุนอย่างชัดเจน) 2. Run-time Polymorphism (Dynamic Binding): เช่น Method Overridingในภาษา Ruby จะเน้นที่ Run-time Polymorphism อย่างเช่นการใช้ Module, Class และ Method เสมือนเดียวกันในคลาสที่แตกต่างกัน
เราลองมาสร้างโปรแกรมง่ายๆ ที่ใช้ Polymorphism ใน Ruby โดยเราจะมีคลาสที่แตกต่างกัน ซึ่งมีวิธีการทำงานที่คล้ายกัน แต่ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง เพื่อให้เข้าใจทฤษฎีงานที่แท้จริงของ Polymorphism
อธิบายการทำงาน
ในโค้ดด้านบนเรามีคลาส `Animal` ที่ประกาศฟังก์ชัน `make_sound` ซึ่งจะทำงานเป็นฟังก์ชันพื้นฐานที่ต้องถูก override ใน subclass ต่างๆ โดยแต่ละ subclass ได้แก่ `Dog`, `Cat`, และ `Cow` จะให้คุณค่าของเสียงที่แตกต่างกันไป
- เมื่อเราสร้างอ็อบเจ็กต์ของแต่ละคลาสแล้วเรียกใช้ฟังก์ชัน `animal_sound` และส่งอ็อบเจ็กต์ลงไป มันจะทำการเรียก `make_sound` ที่ได้ถูก override ที่คลาสนั้น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟังก์ชันเดียวกันทำงานได้แตกต่างกันตามชนิดของอ็อบเจ็กต์
Polymorphism มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในโลกแห่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะในกรณีที่เราต้องการสร้างระบบที่ต้องใช้การควบคุมและเข้าใจสภาพการณ์ต่างๆ ได้หลายหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น:
1. ระบบการจัดการสัตว์ในสวนสัตว์
ในระบบนี้สัตว์ที่แตกต่างกันอาจทำเสียงตอบสนองในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เราสามารถสร้างคลาสสัตว์ที่มีวิธี `make_sound` ไล่ตามเสียงของสัตว์แต่ละชนิดได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดที่แยกต่างหากสำหรับการทำงานเหล่านี้
2. ระบบการพนันในคาสิโน
ในคาสิโน มีเกมหลายประเภท เช่น รูเล็ต, โป๊กเกอร์, บาคาร่า การสร้างคลาส Game ให้มีฟังก์ชัน `play` จะให้ความสะดวกในการเล่นเกมแต่ละชนิด ซึ่งแต่ละเกมส์สามารถ override `play` ตามกฎของแต่ละเกมได้
การใช้ Polymorphism ใน OOP เป็นแนวทางที่ให้ฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นที่ทำให้เราเขียนโค้ดซ้ำโดยไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงโค้ดหลัก หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณในแนวทางที่มีประสิทธิภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ การเริ่มต้นศึกษาภาษา Ruby ที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) จะช่วยคุณในการเรียนรู้ทักษะการเขียนโปรแกรมที่มีค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับบทเรียนของคุณได้!
---
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการทำงานของ Polymorphism ได้ง่ายขึ้นและทำให้คุณเริ่มฝึกเขียนโค้ดใน Ruby ได้อย่างมั่นใจ! หากต้องการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง อย่าลืมติดต่อเราที่ EPT นะ!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM