การใช้งาน Longest Common Subsequence (LCS) ในภาษา VBA

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ LCS

Longest Common Subsequence (LCS) คือ ปัญหาที่สำคัญในทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการหาตัวอักษรที่เป็นลำดับย่อยที่ยาวที่สุดซึ่งปรากฏในลำดับของสองชุด แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดกัน LCS มักใช้ในการเปรียบเทียบสตริง เช่น ในการเปรียบเทียบเวอร์ชันของโค้ด โปรแกรม และยังถูกนำไปใช้ทำงานกับข้อมูลในระดับอื่น ๆ

LCS มีความสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง เช่น การทำ Text Comparison, Data Deduplication และ Adaptive Compression เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของบทความนี้

บทความนี้จะอธิบายการใช้งาน LCS ในภาษา VBA โดยให้ตัวอย่างโค้ดที่เข้าใจง่าย และยกตัวอย่างใช้ในโลกจริง เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ

รูปแบบการทำงานของ LCS

แนวทางการหาลำดับ Common Subsequence แบบยาวที่สุดคือการใช้ Dynamic Programming โดยที่เราจะสร้างตารางเพื่อเก็บค่าลำดับที่พบและค่าน้อยที่สุดที่ตารางนั้น ๆ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนการคำนวณที่ซ้ำซ้อน

ตัวอย่าง CODE

 Function LCS(str1 As String, str2 As String) As String
    Dim len1 As Long, len2 As Long
    Dim i As Long, j As Long
    Dim L() As Long
    Dim lcsStr As String

    len1 = Len(str1)
    len2 = Len(str2)

    ' สร้างตาราง L
    ReDim L(0 To len1, 0 To len2) As Long

    ' Fill the table
    For i = 1 To len1
        For j = 1 To len2
            If Mid(str1, i, 1) = Mid(str2, j, 1) Then
                L(i, j) = L(i - 1, j - 1) + 1
            Else
                L(i, j) = Application.WorksheetFunction.Max(L(i - 1, j), L(i, j - 1))
            End If
        Next j
    Next i

    ' Trace back to find the LCS
    i = len1
    j = len2
    Do While i > 0 And j > 0
        If Mid(str1, i, 1) = Mid(str2, j, 1) Then
            lcsStr = Mid(str1, i, 1) & lcsStr
            i = i - 1
            j = j - 1
        ElseIf L(i - 1, j) > L(i, j - 1) Then
            i = i - 1
        Else
            j = j - 1
        End If
    Loop

    LCS = lcsStr
End Function

การใช้งานใน Excel

1. เปิด Excel และเข้าที่เมนู Developer เพื่อสร้าง Module ใหม่นี้

2. คัดลอกโค้ดข้างต้นและวางไว้ใน Module

3. บันทึกไฟล์เป็น `.xlsm` (Excel Macro-Enabled Workbook)

4. ใช้งานฟังก์ชัน `LCS` เช่น `=LCS("ABCBDAB", "BDCAB")`

ฟังก์ชันนี้จะส่งค่าผลลัพธ์เป็น LCS ที่ยาวที่สุด ในที่นี้จะได้เป็น `BCAB` ซึ่งเป็นลำดับที่ยาวที่สุดที่ปรากฏในทั้งสองสตริง

Use Case ในโลกจริง

สรุป

Longest Common Subsequence (LCS) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในด้านการโปรแกรมไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบข้อมูล การจัดการเวอร์ชันของโค้ด หรือการเปรียบเทียบเอกสาร LCS สามารถช่วยให้เราทราบถึงส่วนที่เหมือนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าใครที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม คุณสามารถเข้าร่วมเรียนที่ EPT ซึ่งมีหลักสูตรสอนที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับทุกระดับความสามารถที่ต้องการขั้นสูงขึ้นในด้านการเขียนโปรแกรม และสร้างผลงานที่มีคุณค่าในวงการ IT!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง