การใช้งาน Nested If-Else ในภาษา VBA แบบง่ายๆ

ในโลกของการเขียนโปรแกรม เมื่อเราต้องการควบคุมการไหลของโปรแกรมตามเงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น การใช้ `If...Else` คือสิ่งที่จำเป็น ซึ่งภาษา VBA (Visual Basic for Applications) เองก็มีการใช้งาน `If...Else` อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขียนโปรแกรมที่ใช้ใน Microsoft Excel เพื่อช่วยในการสร้างฟังก์ชันต่างๆ ในการคำนวณข้อมูลหรือวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ

ใช้งาน Nested If-Else คืออะไร?

Nested If-Else คือการเขียนคำสั่ง `If` ภายในคำสั่ง `If` อีกครั้ง ซึ่งทำให้เราสามารถตรวจสอบเงื่อนไขที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น โดยตัวอย่างที่พบเห็นบ่อยคือการจัดการข้อมูลผู้ใช้ เช่น การกรองคะแนนนักเรียน หรือการคำนวณระดับสมาชิกในโปรแกรม เป็นต้น

ตัวอย่าง Code

เราจะมาเขียนโปรแกรมเล็กๆ ที่ใช้ Nested If-Else เพื่อตรวจสอบระดับคะแนนนักเรียนและกำหนดผลลัพธ์ว่าผ่านหรือล้มเหลว โดยจะมีเงื่อนไขการตรวจสอบที่ซับซ้อน

 Sub CheckStudentGrade()
    Dim score As Integer
    Dim result As String

    ' กำหนดค่าคะแนน
    score = InputBox("กรุณากรอกคะแนนนักเรียน (0-100):")

    ' การใช้ Nested If-Else
    If score >= 0 And score <= 100 Then
        If score >= 80 Then
            result = "นักเรียนได้เกรด A"
        ElseIf score >= 70 Then
            result = "นักเรียนได้เกรด B"
        ElseIf score >= 60 Then
            result = "นักเรียนได้เกรด C"
        ElseIf score >= 50 Then
            result = "นักเรียนได้เกรด D"
        Else
            result = "นักเรียนได้เกรด F และไม่ผ่านการเรียน"
        End If
    Else
        result = "กรุณากรอกคะแนนในช่วง 0-100"
    End If

    MsgBox result
End Sub

อธิบายการทำงาน

ในโค้ดดังกล่าว:

1. เราใช้ `InputBox` เพื่อให้ผู้ใช้กรอกคะแนนนักเรียน โดยคะแนนจะถูกเก็บในตัวแปร `score`

2. เราตรวจสอบเงื่อนไขดังนี้:

- ถ้าคะแนนอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 แล้ว จะทำการตรวจสอบคะแนนใน Nested If-Else

- หากคะแนนอยู่ในช่วง 80-100 จะกำหนดให้เป็นเกรด A

- หากคะแนนอยู่ในช่วง 70-79 จะกำหนดให้เป็นเกรด B

- หากคะแนนอยู่ในช่วง 60-69 จะกำหนดให้เป็นเกรด C

- หากคะแนนอยู่ในช่วง 50-59 จะกำหนดให้เป็นเกรด D

- หากคะแนนน้อยกว่า 50 จะกำหนดให้เป็นเกรด F และหมายความว่านักเรียนไม่ผ่าน

3. ถ้าคะแนนไม่อยู่ในช่วงที่กำหนด จะมีการแสดงข้อความแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบ

Use Case ในโลกจริง

การใช้ Nested If-Else มีความสำคัญมากในตัวอย่างเช่น โปรแกรมการศึกษา ที่มักจะต้องการให้คะแนนนักเรียนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งอาจมีหลายระดับและหลายเงื่อนไขที่ทำให้ระบบสามารถแสดงผลที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้ได้ อีกหนึ่ง use case ที่น่าสนใจก็คือ ในการจัดการเกี่ยวกับการให้เครดิต หรือระดับสมาชิกในแอปพลิเคชัน ออนไลน์ ตัวอย่างเช่น การส่งเสริมสมาชิกในคาสิโนออนไลน์ ที่จะมีระดับสมาชิกเกิดขึ้นตามการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งอาจเรียกใช้ Nested If-Else เพื่อคัดกรองระดับสมาชิกได้อีกด้วย

สรุป

การใช้ Nested If-Else ในภาษา VBA ช่วยให้เราสามารถควบคุมการทำงานของโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสนใจในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านโปรแกรมมิ่งเพิ่มเติม อย่าลืมมาเป็นส่วนหนึ่งที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ที่เรามีรูปแบบการเรียนการสอนที่หลากหลายและครอบคลุม เพื่อให้คุณสามารถพัฒนาเป็นนักโปรแกรมเมอร์มืออาชีพได้ในอนาคต!

การเรียนโปรแกรมไม่ใช่เรื่องยาก เราขอเชิญคุณมาทดสอบความสามารถทางโปรแกรมมิ่งและพัฒนาตัวเองไปด้วยกัน!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง