ในโลกของการพัฒนาโปรแกรมนั้น การทำความเข้าใจในแนวคิด OOP (Object-Oriented Programming) เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งไปกว่านั้น การควบคุมความสามารถในการเข้าถึง (Accessibility) ของตัวแปรและฟังก์ชันในโค้ดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันมีผลต่อความถูกต้องและความปลอดภัยของโปรแกรมที่จะพัฒนา ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Accessibility ในภาษา Swift ให้คนที่เริ่มต้นเรียนรู้สามารถเข้าใจและนำไปใช้อย่างง่าย ๆ พร้อมตัวอย่างและ Use case ในโลกจริง
OOP นั้นมีหลักการพื้นฐานอยู่ 4 ข้อ ได้แก่ Encapsulation, Inheritance, Polymorphism และ Abstraction ซึ่ง Accessibility จะเกี่ยวข้องกับ Encapsulation โดยไม่มีความกลัวจากการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสม โดย Swift มีระดับการเข้าถึง (Access Levels) ที่ช่วยในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระดับดังนี้:
1. Public: ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 2. Internal: สามารถเข้าถึงได้ในโมดูลเดียวกัน 3. Fileprivate: สามารถเข้าถึงได้เฉพาะในไฟล์เดียวกัน 4. Private: สามารถเข้าถึงได้เฉพาะในคลาสหรือโครงสร้างที่ประกาศไว้การตั้งค่า Accessibility ช่วยให้เราสามารถปกป้องข้อมูลภายในคลาสและทำให้โค้ดมีความเรียบง่ายและเข้าใจง่ายขึ้น
มาดูตัวอย่างโค้ดที่แสดงถึงแต่ละระดับการเข้าถึงในภาษา Swift:
ในตัวอย่างนี้เราจะเห็นว่า `name` เป็น Private ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรงจากภายนอกคลาส `User` แต่เรามีฟังก์ชัน `getName()` ที่ถูกประกาศเป็น Public เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงชื่อผู้ใช้ได้
ตัวอย่างในชีวิตจริงที่สามารถนำ Accessibility ไปใช้ได้คือการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการจัดการบัญชีผู้ใช้ เช่น ระบบจัดการสมาชิกของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เช่น Social Media
- กรณีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: ข้อมูลส่วนบุคคลเช่น ชื่อ อายุ และข้อมูลอื่น ๆ จำเป็นต้องมีการเข้าถึงที่จำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ไม่ถูกต้อง เช่น การลงทะเบียนบัญชีใหม่ หรือการตรวจสอบสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญ - ความปลอดภัยของข้อมูล: โดยการประกาศค่าบางอย่างให้เป็น Private หรือ Fileprivate จะช่วยให้เราแน่ใจได้ว่าข้อมูลภายในแอปพลิเคชันจะไม่ถูกแก้ไขหรือเข้าถึงโดยตรงจากภายนอก
Accessibility ใน OOP เป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณเขียนโปรแกรมในภาษา Swift การกำหนดระดับการเข้าถึงที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่เราได้ทำการอธิบายข้างต้นช่วยให้เห็นภาพรวมการใช้งาน Accessibility อย่างชัดเจน
ถ้าคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม OOP และแนวคิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราขอแนะนำให้คุณลงทะเบียนเรียนที่ EPT (Expert-Programming-Tutor) ซึ่งที่นี่มีหลักสูตรที่เหมาะสำหรับนักพัฒนาทุกระดับ ตั้งแต่ผู้เริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ เพื่อให้คุณสามารถพัฒนาทักษะและรัฐศาสตร์การเขียนโค้ดให้ดีขึ้นได้!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM