การใช้งาน Logical Operator ในภาษา Scala แบบง่าย ๆ พร้อมตัวอย่าง CODE

ในภาษาโปรแกรมมิ่งทุกภาษาต้องมีเครื่องมือในการตัดสินใจ เพื่อที่จะให้โปรแกรมของเราสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ การใช้ **Logical Operator** เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่ช่วยในการสร้างตรรกะในโปรแกรมของเรา ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Logical Operator ในภาษา **Scala** พร้อมตัวอย่างโค้ดที่เข้าใจง่าย และยกตัวอย่างการใช้งานในโลกจริงให้ได้ศึกษาและเข้าใจมากขึ้น

Logical Operator คืออะไร?

Logical Operators ใช้ในการดำเนินการทางตรรกะ พวกเขาจะช่วยให้เราเชื่อมโยงหลาย ๆ เงื่อนไขเข้าด้วยกันและสร้างผลลัพธ์ใหม่ตามตรรกะที่กำหนด โดย Logical Operators ที่เป็นที่นิยมในภาษา Scala จะประกอบไปด้วย:

การใช้งาน Logical Operator ในภาษา Scala

ตัวอย่าง 1: การใช้ AND (&&)

ให้เราพิจารณาตัวอย่างนี้:

 object LogicalOperatorExample {
  def main(args: Array[String]): Unit = {
    val a = 10
    val b = 20
    val c = 30

    // ทดสอบเงื่อนไข
    if (a < b && b < c) {
      println("ทั้งสองเงื่อนไขเป็นจริง")
    } else {
      println("อย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขไม่เป็นจริง")
    }
  }
}

ในตัวอย่างนี้ เราตรวจสอบว่าค่าของ `a` น้อยกว่า `b` และ `b` น้อยกว่า `c` หากเงื่อนไขทั้งสองตรง จะมีการพิมพ์ข้อความว่า “ทั้งสองเงื่อนไขเป็นจริง” หากไม่ใช่ก็จะแสดงข้อความว่า “อย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขไม่เป็นจริง”

ตัวอย่าง 2: การใช้ OR (||)

มาดูอีกตัวอย่างสำหรับการใช้ OR:

 object LogicalOperatorExample {
  def main(args: Array[String]): Unit = {
    val a = 10
    val b = 20

    // ทดสอบเงื่อนไข
    if (a > 15 || b > 15) {
      println("อย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขเป็นจริง")
    } else {
      println("ทั้งสองเงื่อนไขไม่เป็นจริง")
    }
  }
}

ในกรณีนี้ เราตรวจสอบว่าค่า `a` มากกว่า 15 หรือค่า `b` มากกว่า 15 หากมีอย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขตรง เราจะพิมพ์ข้อความว่า “อย่างน้อยหนึ่งเงื่อนไขเป็นจริง”

ตัวอย่าง 3: การใช้ NOT (!)

เรามาติดต่อกันที่การใช้ NOT:

 object LogicalOperatorExample {
  def main(args: Array[String]): Unit = {
    val isRaining = true

    // ทดสอบเงื่อนไข
    if (!isRaining) {
      println("วันนี้ไม่ฝนตก")
    } else {
      println("วันนี้ฝนตก")
    }
  }
}

ในตัวอย่างนี้ เราระบุว่า `isRaining` เท่ากับ `true` แต่เมื่อใช้ NOT เราจะตรวจสอบว่าถ้าไม่ฝนตกจะจพิมพ์ข้อความว่า “วันนี้ไม่ฝนตก” แต่ถ้าเป็นจริงจะพิมพ์ข้อความว่า “วันนี้ฝนตก”

Use case: การใช้งานในโลกจริง

1. การจัดการระบบลงทะเบียนนักเรียน

ในโลกของการศึกษา โปรแกรมที่ดีจำเป็นต้องมีเงื่อนไขในการจัดการนักเรียน อาทิเช่น ถ้านักเรียนอายุระหว่าง 10 ถึง 15 ปี ก็สามารถลงทะเบียนเรียนได้

 val age = 12
if (age >= 10 && age <= 15) {
  println("นักเรียนสามารถลงทะเบียนได้")
} else {
  println("นักเรียนไม่สามารถลงทะเบียนได้")
}

2. ระบบสนับสนุนการตลาด

ในระบบทำการตลาด เราสามารถใช้ logical operators ในการเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ เช่น ถ้าลูกค้าได้ค้นหาสินค้าหรือบริการที่เรามีและมีอายุระหว่าง 18-35 ปี ก็จะแสดงโฆษณา

 val searchedProduct = true
val customerAge = 25
if (searchedProduct && (customerAge >= 18 && customerAge <= 35)) {
  println("แสดงโฆษณา")
} else {
  println("ไม่แสดงโฆษณา")
}

สรุป

ยินดีต้อนรับทุกคนที่สนใจในการเรียนรู้จะเป็นโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพ!

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง