สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

Software Engineer

เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (Computer Science Basics) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเขียนโปรแกรมเบื้องต้น (Programming Fundamentals) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเลือกใช้ภาษาการเขียนโปรแกรม (Programming Languages) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming, OOP) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน (Functional Programming) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการหน่วยความจำ (Memory Management) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - โครงสร้างข้อมูล (Data Structures) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - อัลกอริทึม (Algorithms) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การวิเคราะห์ความซับซ้อน (Big-O Notation) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการข้อยกเว้น (Exception Handling) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ I/O (Input/Output) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Git และ Version Control เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ GitHub, GitLab, หรือ Bitbucket เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Command Line Interface (CLI) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเขียน Unit Testing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Testing Frameworks (เช่น JUnit, pytest) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Debugging Tools เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบ Software Architecture เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Design Patterns (เช่น Singleton, Factory, Observer) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ RESTful APIs เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ GraphQL APIs เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการกับ Web Services (SOAP และ REST) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับฐานข้อมูล SQL เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ฐานข้อมูล NoSQL (เช่น MongoDB, Cassandra) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบฐานข้อมูล (Database Design) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Object-Relational Mapping (ORM) เช่น Hibernate เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการกับ Transactions ในฐานข้อมูล เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Normalization และ Denormalization เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Indexing เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพฐานข้อมูล เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Query Optimization เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Microservices เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Message Brokers (เช่น Kafka, RabbitMQ) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Caching (เช่น Redis, Memcached) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Load Balancing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบ API ที่มีประสิทธิภาพและปรับขยายได้ เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Authentication และ Authorization เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ OAuth2 และ JWT เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ SSL/TLS Certificates เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - ความรู้เกี่ยวกับ Security (เช่น SQL Injection, XSS) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การป้องกัน Cross-Site Request Forgery (CSRF) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Encryption และ Hashing Algorithms เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับระบบ Cloud (เช่น AWS, Google Cloud, Azure) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้งาน Serverless Architecture เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Containers (เช่น Docker) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Kubernetes เพื่อจัดการ Container Orchestration เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Infrastructure as Code (เช่น Terraform, Ansible) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การสร้างและใช้งาน CI/CD Pipelines (เช่น Jenkins, CircleCI) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Monitoring Tools (เช่น Prometheus, Grafana) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Logging Tools (เช่น ELK Stack) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Performance Optimization เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Threads และ Concurrency เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การเขียนโปรแกรม Asynchronous เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Event-Driven Architectures เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Responsive Design (HTML, CSS, JavaScript) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Front-end Frameworks (เช่น React, Angular, Vue.js) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การพัฒนา Back-end Services (เช่น Node.js, Django, Spring) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Graphical User Interface (GUI) Frameworks เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Unit Test, Integration Test, และ End-to-End Test เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Mocking Frameworks ในการทดสอบ เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Dependency Injection เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบและจัดการ Software Deployment เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการกับ Software Packaging เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Software Versioning เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Software Development Methodologies (เช่น Agile, Scrum, Kanban) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Software Requirements เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Technical Debt เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการและแก้ไข Bugs เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบระบบที่ทนทานและมีความพร้อมใช้งานสูง (High Availability) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Scalability (Horizontal & Vertical Scaling) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบระบบที่สามารถปรับขนาดได้ (Elastic Systems) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการกับ Failover และ Disaster Recovery เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Load Testing และ Stress Testing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ API Testing Tools (เช่น Postman, SoapUI) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Mobile App Development (iOS, Android) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Hybrid Mobile Frameworks (เช่น React Native, Flutter) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ WebSocket สำหรับการสื่อสารแบบ Real-Time เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำ Data Serialization (เช่น JSON, XML, Protobuf) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Graph Databases (เช่น Neo4j) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Distributed Systems เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Event Sourcing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ CQRS (Command Query Responsibility Segregation) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Blockchain หรือ Distributed Ledger Technologies เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Edge Computing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Machine Learning Libraries (เช่น TensorFlow, PyTorch) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ NLP (Natural Language Processing) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Data Pipelines และ ETL Processes เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Streaming Data (เช่น Apache Kafka, Flink) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การออกแบบระบบที่ทำงานแบบ Stateless และ Stateful เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Reverse Proxy (เช่น Nginx, HAProxy) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ API Gateways เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Traffic Management (เช่น Rate Limiting, Throttling) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการกับ Content Delivery Networks (CDN) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Static Site Generators (เช่น Gatsby, Hugo) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการ Software Licensing เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำงานกับ Internationalization และ Localization (i18n, l10n) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การทำระบบ Notification (เช่น Email, SMS, Push Notification) เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Software Development Kits (SDKs) ของภาษาต่างๆ เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพ Mobile Performance เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกับทีม

เรื่องที่ Software Engineer ควรรู้ - การใช้ Dependency Injection

 

ปัจจุบันโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและเครื่องมือที่หลากหลายทำให้กระบวนการพัฒนาซับซ้อนยิ่งขึ้น หากคุณคือผู้ที่ก้าวเข้ามาในสนามซอฟต์แวร์ด้วยบทบาทของ Software Engineer มีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณควรรู้ จัดการ และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ นั่นคือ "Dependency Injection" ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ช่วยทำให้โค้ดของเรามีความยืดหยุ่น เข้าใจง่าย และสามารถทดสอบได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

Dependency Injection คืออะไร?

Dependency Injection (DI) คือรูปแบบการออกแบบซอฟต์แวร์ (Design Pattern) แบบหนึ่งที่ช่วยในการจัดการ dependencies ของ object ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแทนที่จะให้ object ทำหน้าที่สร้างและจัดการ dependencies ต่างๆ ด้วยตัวเอง การใช้ DI จะทำให้ object เหล่านั้นรับ dependencies ที่จำเป็นผ่านทาง constructor, method, หรือ property แทน

 

ทำไม Dependency Injection ถึงสำคัญ?

1. เพิ่มความคล่องตัวยืดหยุ่นของโค้ด: การใช้ DI ทำให้โค้ดที่ซับซ้อนมีการแยกความรับผิดชอบได้ดีขึ้น ส่งผลให้สามารถปรับเปลี่ยนหรือเสริมฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ ได้โดยที่ไม่กระทบกับโค้ดส่วนใหญ่

2. เพิ่มความสามารถในการทดสอบ (Testability): เมื่อ dependencies ถูก inject เข้ามาแทนที่จะถูกสร้างขึ้นภายใน object นั้น ทำให้เราสามารถใช้ mock objects ในการทดสอบได้อย่างง่ายดาย ทำให้แน่ใจได้ว่าฟังก์ชันการทำงานทุกอย่างทำงานถูกต้องตามที่คาดหวัง

3. ลดการผูกมัดของโค้ด (Coupling): DI ช่วยให้โค้ดมีการพึ่งพาซึ่งกันและกันน้อยที่สุด ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลง implementation ของ dependencies ได้โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดหลัก

 

วิธีการใช้งาน Dependency Injection

การใช้งาน DI ในโปรเจ็กต์ซอฟต์แวร์นั้นสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีหลักๆ ที่นิยมคือ:

- Constructor Injection: การส่ง dependencies ผ่าน constructor ของ class


public class Service {
    private final Repository repository;

    // โดยการรับ Repository ผ่าน parameter ของ constructor
    public Service(Repository repository) {
        this.repository = repository;
    }

    // ฟังก์ชันภายในคลาสที่ใช้ repository
    public void performAction() {
        repository.doSomething();
    }
}

- Setter Injection: การส่ง dependencies ผ่านฟังก์ชัน setter


public class Service {
    private Repository repository;

    public void setRepository(Repository repository) {
        this.repository = repository;
    }

    public void performAction() {
        repository.doSomething();
    }
}

- Interface Injection: เป็นอีกวิธีที่ซับซ้อนเล็กน้อย ใช้ในกรณีที่มี framework หรือ library ที่ให้ interface สำหรับการรับ dependencies

 

ข้อควรระวังในการใช้ Dependency Injection

1. Complexity ในการตั้งค่า (Configuration Complexity): DI มักจะทำให้การตั้งค่าโครงสร้างระบบซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ frameworks ขนาดใหญ่ที่มีการตั้งค่าหลายขั้นตอน

2. การเรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่มเติม: DI มี learning curve ที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น การทำความเข้าใจวิธีการ setting up และการนำไปใช้ให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ

3. Overhead ในการบำรุงรักษา: ระบบที่ใช้ DI อาจช่วยเพิ่ม overhead ในการบำรุงรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ dependencies ไม่ได้ถูกจัดการอย่างรัดกุม

 

Use Case ของ Dependency Injection

ในสถานการณ์ที่คุณกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ซึ่งประกอบด้วยหลาย modules หรือ components ที่ต้องใช้งาน classes ซ้ำซ้อน หากไม่มีการจัดการ dependencies ที่ดี คุณจะพบกับปัญหาเรื่องการบำรุงรักษาและการขยายระบบในระยะยาว

ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเปลี่ยนฐานข้อมูลจาก MySQL เป็น PostgreSQL คุณสามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายโดยการแทนที่ dependencies ของคลาส repository ที่ทำงานร่วมกับฐานข้อมูลนั้น ในทางกลับกันหากคุณไม่ได้ใช้ DI คุณอาจต้องทำการเปลี่ยนแปลงโค้ดหลายส่วนและอาจเกิดปัญหาที่ยากต่อการตรวจจับ

 

สรุป

Dependency Injection เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบมืออาชีพ ทำให้ระบบของเรามีโครงสร้างที่ชัดเจนและสามารถรักษาในระยะยาวได้อย่างง่ายดาย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ Software Engineer ที่ดีควรจะทำความเข้าใจและนำไปใช้ในโครงการของตน

การศึกษาหลักการและรูปแบบการออกแบบซอฟต์แวร์อย่าง Dependency Injection เป็นหนึ่งในทักษะพื้นฐานที่จะช่วยยกระดับทักษะการเขียนโปรแกรมของคุณได้ และหากคุณสนใจที่จะเรียนรู้ทักษะนี้และอื่นๆ ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ คุณสามารถเข้ามาศึกษากับเราได้ที่ EPT ที่ซึ่งทักษะและความมุ่งมั่นของคุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้คุณเป็น Software Engineer ที่เชี่ยวชาญในอนาคต

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง

หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/


Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android


บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา