การทำงานในตำแหน่ง Software Engineer นอกจากจะต้องเข้าใจและมีความชำนาญในด้านการเขียนโปรแกรมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการจัดการกับข้อมูลจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเขียน Query ในการดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล (Database) การทำ Query Optimization หรือการปรับปรุงคำสั่ง Query ให้มีประสิทธิภาพ จึงกลายมาเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ระบบของเราทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น
เมื่อฐานข้อมูลของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น การดึงข้อมูลที่ไม่มีประสิทธิภาพจะส่งผลให้ระบบช้าลง ซึ่งอาจกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ นอกจากนี้ การใช้ทรัพยากรที่มากเกินไปยังทำให้ค่าใช้จ่ายด้านเซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นการทำ Query Optimization ไม่ได้เป็นเพียงการปรับปรุงความเร็วในการดึงข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการลดต้นทุนในการดำเนินงานอีกด้วย
การทำ Query Optimization สามารถเริ่มต้นได้ด้วยแนวคิดพื้นฐานดังนี้:
1. การใช้ Indexing
การสร้าง Index บนตารางข้อมูลช่วยให้การค้นหาข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก Index ทำหน้าที่เสมือนสารบัญที่ช่วยหาตำแหน่งข้อมูลในตารางได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องระวังเรื่องการสร้าง Index มากเกินไปเพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเขียนข้อมูล
2. การเลือกใช้ Data Type ที่เหมาะสม
การเลือกใช้ Data Type ที่เหมาะสมในการจัดเก็บข้อมูลสามารถลดการใช้เนื้อที่และปรับปรุงความเร็วในการประมวลผลได้ เช่น การใช้ `INT` แทน `VARCHAR` เมื่อต้องการจัดเก็บตัวเลข
3. การหลีกเลี่ยง SELECT *
การใช้ `SELECT *` ในการดึงข้อมูลจะทำให้ดึงข้อมูลทุกคอลัมน์มาจากตาราง ซึ่งอาจไม่จำเป็นต่อการใช้งานจริง จึงควรเลือกดึงเฉพาะคอลัมน์ที่จำเป็นเพื่อประหยัดทรัพยากร
4. การพิจารณา Joins และ Subquery
หลีกเลี่ยงการใช้ `Join` ที่ไม่จำเป็นและพิจารณาการใช้ Subquery อย่างเหมาะสม เนื่องจากอาจจะลดทอนประสิทธิภาพของ Query
เราลองมาดูตัวอย่างการปรับปรุง Query ให้ดียิ่งขึ้นกันครับ
ตัวอย่างที่ไม่ได้ทำ Optimization
SELECT * FROM Orders
JOIN Customers ON Orders.CustomerID = Customers.CustomerID
WHERE Customers.Country = 'Thailand';
ตัวอย่างที่ทำ Optimization
SELECT Orders.OrderID, Orders.OrderDate, Customers.Name, Customers.Country
FROM Orders
JOIN Customers ON Orders.CustomerID = Customers.CustomerID
WHERE Customers.Country = 'Thailand';
ในตัวอย่างนี้เราเปลี่ยนจากการใช้ `SELECT *` มาเป็นการเลือกเฉพาะคอลัมน์ที่ต้องการ ทำให้การประมวลผลเร็วขึ้นเนื่องจากไม่ต้องดึงข้อมูลทุกคอลัมน์ของทั้งสองตาราง
การทำ Query Optimization อย่างเหมาะสมสามารถทำให้ระบบของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็วในการใช้งาน การใช้ทรัพยากรคุ้มค่า รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ Software Engineer ทุกคนควรให้ความสำคัญ
การทำ Query Optimization เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโปรแกรม หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมด้วยหลักการเชิงวิชาการที่ลึกซึ้งมากขึ้น โรงเรียนสอนโปรแกรมมิ่งเช่น Expert-Programming-Tutor (EPT) พร้อมให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นเพื่อนำไปใช้งานได้จริงในโลกแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี
การเข้าใจและคุ้นเคยกับเทคนิคเหล่านี้จะไม่เพียงช่วยให้คุณกลายเป็น Software Engineer ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้องค์กรที่คุณทำงานมีผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นด้วย
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM