ในโลกของการพัฒนาโปรแกรมยุคปัจจุบัน การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการบริหารการเข้าถึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งเมื่อระบบต่างๆ หลายระบบสามารถทำงานร่วมกันผ่าน API การรับรองและการให้สิทธิ์การเข้าถึงจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ข้อมูลถูกส่งผ่านได้อย่างปลอดภัย หนึ่งในมาตรฐานที่นิยมใช้ในปัจจุบันก็คือ OAuth2 และ JWT (JSON Web Token) ทั้งสองนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
OAuth2 ย่อมาจาก Open Authorization เป็นโปรโตคอลที่อนุญาตให้แอปพลิเคชันบุคคลที่สามเข้าถึงข้อมูลในนามของผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องเปิดเผยรหัสผ่าน OAuth2 ได้เข้ามาแก้ปัญหาการแบ่งปันรหัสผ่านที่มักจะไม่ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ สำหรับระบบที่ต้องการเชื่อมต่อกัน ผู้ใช้งานมักจะต้องนำเสนอรหัสผ่านให้กับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
OAuth2 ทำงานโดยการที่ผู้ใช้งานทำการ "authorize" แอปพลิเคชันเพื่อให้สิทธิ์แอปพลิเคชันในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้:
1. Authorization Request: แอปพลิเคชันส่งคำขอไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อขอสิทธิ์ในการเข้าถึง 2. Authorization Grant: ผู้ใช้ให้สิทธิ์โดยการยืนยันที่หน้าจอ 3. Access Token: เมื่อเซิร์ฟเวอร์ได้รับการยืนยันจากผู้ใช้แล้ว ระบบจะส่ง Access Token กลับไปยังแอปพลิเคชัน 4. API Request: แอปพลิเคชันใช้ Access Token ในการเข้าถึง API ที่ได้รับการอนุญาติ
JWT หรือ JSON Web Token เป็นรูปแบบของ token ที่เป็นที่นิยมในการส่งข้อมูลที่เข้ารหัสระหว่างสองพาร์ทต่างๆ เช่น Client กับ Server ภายใน JWT จะประกอบด้วยสามส่วนคือ ส่วนหัว ส่วนข้อมูล และส่วนลายเซ็น โดยแต่ละส่วนจะถูกแยกด้วยเครื่องหมายจุด (.) ทำให้ JWT มีลักษณะเป็นสตริงที่อ่านง่าย
ในการจัดการ session หรือการยืนยันตัวตนระหว่าง Client และ Server การใช้ JWT ร่วมกับ OAuth2 เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ตัวอย่างเช่น หลังจากที่ผู้ใช้ทำการยืนยันตัวตนผ่าน OAuth2 และได้รับ Access Token กลับมา Access Token นี้สามารถอยู่ในรูปแบบของ JWT ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในคำขอ HTTP Header เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่ได้รับอนุญาติในภายหลัง
const jwt = require('jsonwebtoken');
// การสร้าง Token
const user = { id: 1, username: 'testuser' };
const secretKey = 'your-256-bit-secret';
const token = jwt.sign(user, secretKey, { expiresIn: '1h' });
console.log('Generated Token:', token);
// การตรวจสอบ Token
jwt.verify(token, secretKey, (err, decoded) => {
if (err) {
console.log('Token is invalid:', err.message);
} else {
console.log('Token is valid:', decoded);
}
});
ในองค์กรที่มีระบบการทำงานที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เช่น ระบบจัดการคลังสินค้าหรือ CRM การใช้ OAuth2 และ JWT จะช่วยให้บริษัทสามารถจัดการการยืนยันตัวตนและให้สิทธิ์การเข้าถึง API ได้อย่างปลอดภัย โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมอบรหัสผ่านซ้ำไปยังบุคคลที่สาม
การรู้จักและเข้าใจการใช้ OAuth2 และ JWT เป็นสิ่งสำคัญที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ยุคใหม่ควรมี เนื่องจากทั้งสองเครื่องมือเหล่านี้จะทำให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังง่ายต่อการบริหารจัดการสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล
สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาภาษาโปรแกรมหรือโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การศึกษาที่เป็นระบบจากผู้เชี่ยวชาญเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ผู้ที่สนใจสามารถพิจารณาศึกษากับสถาบันที่เชี่ยวชาญในการให้ความรู้ด้านโปรแกรม อย่างที่ EPT ที่มีหลักสูตรหลากหลายทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะเพิ่มเติม
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM