ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างถูกเชื่อมโยงผ่านอินเทอร์เน็ต การรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์หรือ Cybersecurity จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกองค์กรต้องใส่ใจหนึ่งในภัยคุกคามที่เป็นที่รู้จักและสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางคือ "SQL Injection" ซึ่งสามารถเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้ามาควบคุมฐานข้อมูล ทำให้ข้อมูลที่สำคัญถูกดึงออกมา หรือถูกทำลายได้
SQL Injection คือการโจมตีที่ช่องโหว่ของระบบที่ใช้ SQL เป็นภาษาในการจัดการฐานข้อมูล โดยแฮกเกอร์จะส่งคำสั่ง SQL ที่จงใจสร้างมาเพื่อทำให้โค้ดองค์กรมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การดึงข้อมูลที่คลังลับ การเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือแม้กระทั่งการทำลายข้อมูลทั้งหมดในฐานข้อมูลของระบบนั้นๆ
เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานของ SQL Injection ยกตัวอย่างเช่น ระบบที่อนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อเข้าสู่ระบบ โปรแกรมอาจมีโค้ด SQL เบื้องหลังดังนี้:
SELECT * FROM users WHERE username = 'user_input' AND password = 'user_pass';
ถ้าหากโปรแกรมนี้ไม่ถูกป้องกัน แฮกเกอร์สามารถป้อนข้อมูลแบบดังกล่าว:
- Username: `' OR '1'='1' --`
- Password: `abc`
เมื่อแทนที่ค่าในโค้ด SQL จะกลายเป็น:
SELECT * FROM users WHERE username = '' OR '1'='1' -- ' AND password = 'abc';
ส่วนของ `' OR '1'='1'` ทำให้คำสั่ง SQL มีความหมายว่า "ทุกคน" เพราะ `1=1` คือความจริง โดย `--` คือคำสั่งให้ SQL ละเลยสิ่งที่ตามหลัง ดังนั้นส่วนที่เกี่ยวกับรหัสผ่านจะถูกละทิ้งไป การโจมตีเช่นนี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องมีบัญชี หรือรหัสผ่านที่แท้จริง
ตัวอย่างเช่น ในภาษา PHP การใช้ PDO กับการเตรียมคำสั่ง:
$stmt = $pdo->prepare('SELECT * FROM users WHERE username = :username AND password = :password');
$stmt->execute(['username' => $user_input, 'password' => $user_pass]);
2. การใช้งาน ORM (Object-Relational Mapping): ORM เชื่อมฐานข้อมูลกับ object อย่างเมื่อนำมาใช้งานกับฐานข้อมูล ภัยจาก SQL Injection จะถูกหลีกเลี่ยงโดยอัตโนมัติ
3. การตรวจสอบและกรองข้อมูล: การนำข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกเข้ามาผ่านการตรวจสอบและกรองเป็นขั้นตอนสำคัญในการลดความเสี่ยงจาก SQL Injection
4. การกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึง: จำกัดสิทธิ์ของฐานข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชันและผู้ใช้ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงในการเกิด SQL Injection
5. การตรวจสอบและการแจ้งเตือนการละเมิดระบบ: การทำรายการล็อกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในฐานข้อมูลพร้อมความสามารถในการแจ้งเตือนเมื่อมีการเข้าถึงที่อาจเป็นอันตราย
สมมติเรามีระบบออนไลน์จัดการการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งานมีความสำคัญ การป้องกัน SQL Injection เป็นส่วนสำคัญในรักษาความปลอดภัย
- นำค่าที่ผู้ใช้ป้อนทั้งหมดผ่านการตรวจสอบก่อนบันทึกลงฐานข้อมูล
- ใช้คำสั่ง SQL ที่เตรียมไว้ เพื่อป้องกันการแฮกผ่านช่องข้อมูลใดๆ ที่ผู้ใช้นำเข้ามา
- กำหนดสิทธิ์เฉพาะเจาะจงในการเข้าหรือแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลเพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่พึงประสงค์
สรุปได้ว่า SQL Injection เป็นภัยร้ายที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้อย่างกว้างขวาง การรู้เท่าทันวิธีการโจมตีและวิธีการป้องกันจะช่วยให้ระบบของเรามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นักพัฒนาและผู้ดูแลระบบควรหาแนวทางในการตรวจสอบ ป้องกัน รวมถึงปรับปรุงมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ
หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาระบบให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามเช่น SQL Injection ลองพิจารณาเรียนโปรแกรมที่ EPT ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณสามารถพัฒนาทักษะและความรู้ในการเขียนโปรแกรมและการรักษาความปลอดภัยของระบบได้อย่างมั่นใจ
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM