ในโลกยุคดิจิทัลที่เรากำลังเผชิญ มาตรฐานในการพัฒนาแอปพลิเคชันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ระบบประเภทใหม่ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะแอปพลิเคชันแบบเว็บที่ต้องการความรวดเร็วและทันใจจากการทำงานของฝั่งเซิร์ฟเวอร์ หนึ่งในเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์นี้ได้ดีที่สุดคือ Node.js ที่มีลักษณะการทำงานแบบ Asynchronous ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ต้องรอคิวการดำเนินการของแต่ละฟังก์ชัน
Node.js คือ runtime environment ที่ทำให้ JavaScript สามารถทำงานที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ได้ ปกติแล้ว JavaScript เป็นภาษาที่ทำงานบนเบราว์เซอร์ แต่ด้วย Node.js ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ V8 JavaScript engine ของ Google ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแวดวง IT
โดยทั่วไป การทำงานแบบ synchronous หมายถึงการทำงานที่ต้องรอคิว เช่น การอ่านไฟล์จากระบบจัดเก็บข้อมูล เมื่อการอ่านเสร็จจะจึงดำเนินการต่อไป แต่ในแบบ Asynchronous นั้น ไม่จำเป็นต้องรอสิ่งใดสิ้นสุดก่อนที่จะดำเนินการอื่นต่อไป
แนวคิดนี้เป็นกุญแจสำคัญของ Node.js ที่ทำให้สามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมากพร้อมกันและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แม้มีความไม่แน่นอน
Node.js ใช้แนวคิดการทำงานแบบ callback ในการจัดการการทำงานแบบ asynchronous ภาพรวมแล้ว callback เป็นฟังก์ชันที่จะถูกเรียกเมื่อการทำงานบางอย่างเสร็จสิ้น ตัวอย่างการใช้ callback ใน Node.js คือลักษณะการอ่านไฟล์:
const fs = require('fs');
fs.readFile('example.txt', 'utf8', (err, data) => {
if (err) {
console.error(err);
return;
}
console.log(data);
});
ในโค้ดตัวอย่างนี้ readFile เป็นคำสั่งในการอ่านไฟล์แบบ asynchronous เมื่ออ่านไฟล์เสร็จแล้ว ก็จะเรียกใช้งาน callback function ที่เรากำหนดไว้
ต่อมา Node.js ได้พัฒนาเครื่องมือที่ทำให้เราเขียนโปรแกรมแบบ asynchronous ง่ายขึ้นอย่าง Promise ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยให้โค้ดอ่านและเขียนง่ายขึ้นกว่าเดิม:
const fs = require('fs').promises;
fs.readFile('example.txt', 'utf8')
.then(data => console.log(data))
.catch(err => console.error(err));
อีกเครื่องมือที่มาพร้อมกับ ES2017 คือ async/await ซึ่งเป็นการใช้งาน Promise แต่มีการทำงานที่ง่ายกว่าในการเขียนโค้ดแบบ synchronous:
const fs = require('fs').promises;
async function readFileAsync() {
try {
const data = await fs.readFile('example.txt', 'utf8');
console.log(data);
} catch (err) {
console.error(err);
}
}
readFileAsync();
โค้ดแบบ async/await ทำให้การจัดการการทำงานแบบ asynchronous ง่ายขึ้นและอ่านโค้ดได้ง่ายขึ้น เหมือนกับการเขียนโค้ดแบบ synchronous แต่ยังคงคุณสมบัติที่ทำงานหลายงานพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม Node.js ไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้ CPU สูงหรือการประมวลผลหนักๆ เช่นงานที่ต้องทำการคำนวณในเชิงลึก เนื่องจาก nature ในการทำงานแบบ single-thread ของ Node.js
การทำความเข้าใจกับการทำงานแบบ Asynchronous ใน Node.js จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับการใช้งานพร้อมกันจากผู้ใช้หลายคนได้ด้วยเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็ว
การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมใน Node.js ไม่เพียงเปิดประตูไปสู่การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันที่รวดเร็ว แต่ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาแอปที่เป็นปัจจุบันและมีความสำคัญในยุคดิจิทัลนี้ หากคุณต้องการเข้าใจหรือเชี่ยวชาญใน Node.js มากขึ้น การศึกษาเพิ่มเติมที่ Expert Programming Tutor (EPT) จะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้คุณเติบโตในสายงานนี้ได้อย่างแน่นอน!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com