ในโลกการทำงานที่หมุนเร็วด้วยเทคโนโลยีและข้อมูล เรามักจะมองหาทักษะเทคนิคที่เฉียบขาด เทคนิคการเขียนโค้ดที่ซับซ้อน, หรือการใช้งานเครื่องมือและภาษาที่ทันสมัยที่สุด แต่อย่าลืมว่าในโลกของโปรแกรมมิ่ง (หรือไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนก็ตาม) การจัดการเวลาหรือ Time Management ถือเป็นหนึ่งใน Soft Skills ที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ความลับของหลายคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานโปรแกรมเมอร์ ไม่ได้มาจากการเขียนโค้ดที่อย่างเดียว แต่คือความสามารถในการจัดการเวลาให้ดี โดย Soft Skills อย่างการจัดการเวลาส่งเสริมให้เราสามารถ:
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: การจัดเวลาให้ดีช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถใช้เวลาในแต่ละวันได้เต็มที่และออกแบบการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด - ลดความเครียด: การมีแผนจัดการเวลาที่ดีช่วยลดความห่วงใยเกี่ยวกับงานที่ยังไม่ได้ทำ ทำให้มีสมาธิและจิตใจที่โปร่งใสขึ้น - สร้างสมดุลในการชีวิต: การจัดการเวลาที่ดีช่วยให้เราสามารถจัดการชีวิตส่วนตัวและการทำงานได้โดยไม่ต้องเสียหาย - ช่วยในการตั้งเป้าหมาย: การรู้จักจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพทำให้เราตั้งเป้าหมายได้ชัดเจนและค้นพบวิธีการบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. วางแผนและจัดลำดับความสำคัญ (Prioritize)
การตั้งเป้าหมายรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน และจัดลำดับความสำคัญของงานต่าง ๆ เป็นสิ่งที่จำเป็น โปรแกรมเมอร์ควรวางแผนว่าจะทำอะไรบ้างในแต่ละวันและในลำดับใด โดยใช้เครื่องมือเช่น To-Do List หรือ Kanban Board
2. กำหนดเวลาให้ถูกต้อง (Time Blocking)
การ Time Blocking เป็นเทคนิคการจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพ โดยการจัดแบ่งเวลาทำงานเป็นบล็อกๆ เรากำหนดเวลาที่แน่นอนว่าจะทำงานใดในช่วงเวลาที่กำหนด วิธีการนี้ช่วยจำกัดการเปิด Task ใหม่ก่อนที่จะทำ Task เดิมเสร็จ
3. ใช้เทคนิค Pomodoro
เทคนิค Pomodoro เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเวลาในการทำงาน โดยการทำงานเป็นช่วง ๆ ประมาณ 25 นาที แล้วหยุดพัก 5 นาที การทำเช่นนี้เป็นรอบช่วยให้การทำงานมีสมาธิและไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
def pomodoro_session(work_duration, rest_duration, cycles):
import time
for i in range(cycles):
print(f"Start working: Cycle {i+1}")
time.sleep(work_duration * 60)
print("Take a rest")
time.sleep(rest_duration * 60)
print("All sessions completed!")
# Example Usage
pomodoro_session(25, 5, 4) # Four cycles with 25 mins work and 5 mins rest
4. ใช้เครื่องทุ่นแรง (Automation Tools)
การใช้เครื่องมืออย่าง Git, Jenkins หรือ Docker ไม่ได้ช่วยแค่จัดการการ Deploy หรือ Version Control แต่มันช่วยลดเวลาซ้ำซ้อนในการทำงานดังนั้น เราจึงมีเวลาให้ผลงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
5. การประเมินอย่างสม่ำเสมอ
คุณควรใช้เวลาว่างประเมินงานที่คุณได้สัมฤทธิ์ไปแล้ว รวมถึงการวิเคราะห์ว่าเวลาที่ใช้ไปกับแต่ละ Task คุ้มค่าหรือไม่ นั่นคือวิธีที่จะทำให้การจัดการเวลาของคุณดีขึ้นในทุกๆ วัน
การจัดการเวลาไม่ได้มีเพียงแค่การตัดสินใจว่าความสำคัญของงานแต่ละชิ้นเกิดจากอะไร แต่มันเกี่ยวข้องกับการสร้างระบบและการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง การทำงานโปรแกรมมิ่งต้องการความแม่นยำและการประสานงาน การจัดการเวลาที่ดีทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก
ณ ที่นี้เราอยากจะเน้นว่าการพัฒนาศักยภาพในการจัดการเวลาของคุณจะช่วยให้คุณสามารถเสริมทักษะทั้ง hard และ soft skills ไปพร้อมๆ กัน ลองทำให้การเรียน programmation เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาตนเองที่ EPT โปรแกรมมิ่งแคมป์ ที่ที่คุณจะได้พบกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ไม่หยุดนิ่ง!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM