Rate Limiting คือการควบคุมจำนวนคำขอหรือข้อความที่ระบบสามารถจัดการได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยปกติจะใช้เพื่อป้องกันการรับส่งข้อมูลที่เกินขีดกำลังของระบบ ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ DOS (Denial of Service) และยังใช้ในการควบคุมทรัพยากรเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น
Message Queue เป็นระบบที่ช่วยในการจัดส่งข้อความระหว่างส่วนประกอบของซอฟต์แวร์ที่แยกออกจากกัน โดยที่ไม่ต้องการการโต้ตอบกันในเวลาจริง เราสามารถใช้ Message Queue เพื่อกระจายโหลดของการประมวลผลที่เข้ามามากๆ ไปยังเซอร์วิสต่างๆ แต่หาก Message Queue ไม่ได้รับการจัดการอย่างดี ระบบอาจมีปัญหาอัตราการรับส่งที่สูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือหรือการล่มของระบบได้
ตัวอย่างเช่น ในอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม เมื่อมีแคมเปญลดราคาขนาดใหญ่ ระบบอาจต้องจัดการกับคำสั่งซื้อจำนวนมากพร้อมกัน การตั้ง Rate Limiting จะช่วยให้ Message Queue สามารถควบคุมอัตราคำสั่งซื้อที่เข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราสามารถตั้งค่า Rate Limiting ด้วยการใช้ plugin ที่มาจาก RabbitMQ หรือตั้งค่าใน consumer application ตัวอย่างด้านล่างแสดงการตั้งค่าใน consumer ที่ใช้ Python กับ library `pika` ซึ่งเราจำกัดให้ consumer อ่านข้อความได้ไม่เกิน 10 ข้อความต่อวินาที
import pika
import time
def on_message_received(ch, method, properties, body):
print(f"Received: {body}")
time.sleep(0.1) # Simulation of processing time
connection_params = pika.ConnectionParameters('localhost')
connection = pika.BlockingConnection(connection_params)
channel = connection.channel()
channel.queue_declare(queue='task_queue', durable=True)
channel.basic_qos(prefetch_count=10)
channel.basic_consume(queue='task_queue', on_message_callback=on_message_received)
print("Waiting for messages. To exit press CTRL+C")
channel.start_consuming()
ในโค้ดตัวอย่าง เราใช้ `basic_qos(prefetch_count=10)` เพื่อควบคุมปริมาณข้อความที่แต่ละ consumer สามารถประมวลผลได้ในเวลาเดียวกัน โดยขีดจำกัดนี้นับว่าเป็นอัลกอริทึมแบบ Token Bucket
การใช้ Rate Limiting ใน Message Queue เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับระบบที่มีการส่งข้อมูลมากมายเกินขีดความสามารถของระบบ สามารถช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานหนักเกินไป และทำให้ระบบสามารถจัดการโหลดได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น การนำ Rate Limiting ไปใช้จริงขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบ รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการจัดการ ในเชิงลึกควรศึกษาเพิ่มเติมและทดสอบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากคุณสนใจที่จะพัฒนาทักษะเหล่านี้เพิ่มเติม หรือกำลังมองหาแนวทางในการเพิ่มความสามารถในการพัฒนาซอฟต์แวร์ Expert-Programming-Tutor (EPT) ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่คอร์สการเรียนการสอนที่ครอบคลุมเนื้อหาด้านการเขียนโปรแกรมและสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์ขั้นสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และความสามารถในการเขียนโปรแกรมที่เหมาะสมกับยุคสมัย!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM