การเขียนโปรแกรมในยุคสมัยนี้มีความซับซ้อนมากขึ้น ด้วยความต้องการของผู้ใช้ที่หวังจะได้รับประสบการณ์การใช้งานแบบ real-time และมีประสิทธิภาพสูง การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ กลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักพัฒนา หนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพคือการใช้ Event-Driven Architecture (EDA) ร่วมกับ Message Queue
Event-Driven Architecture หรือที่มักเรียกกันว่า EDA เป็นรูปแบบการออกแบบซอฟต์แวร์ที่แอปพลิเคชันจะมีการสื่อสารกันผ่าน "เหตุการณ์" (event) แทนที่จะเรียกใช้งานกันโดยตรง ตัวแอปพลิเคชันจะแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ที่ทำงานและตอบสนองต่อ event ที่เกิดขึ้นอย่างอิสระ ตัวอย่างของ event ที่เกิดขึ้นได้แก่การคลิกเมาส์ การอัพเดตข้อมูล หรือการส่งข้อความ
EDA ไม่เพียงแต่ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ดี แต่ยังส่งผลดีต่อการขยายตัวของระบบด้วย เพราะสามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อส่วนอื่น ๆ
Message Queue เป็นส่วนสำคัญในระบบที่ใช้ EDA เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ทำให้การสื่อสารระหว่าง component ต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้งาน Message Queue ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นในการประมวลผลข้อมูล ช่วยลดความซับซ้อนและการทำงานที่ต้องสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด สามารถแจกจ่ายงานข้าม server ได้ง่าย
Use Case: ระบบแจ้งเตือนสินค้าใน E-Commerce
ลองมาดูตัวอย่างการใช้งานจริงในกรณีของระบบแจ้งเตือนสินค้าภายใน E-Commerce เมื่อมีการสั่งซื้อใหม่เกิดขึ้น ระบบจะสร้าง event ที่ถูกส่งไปยัง Message Queue และจะมี service ที่ฟัง event นี้รอทำการประมวลผล แจ้งเตือนผู้ใช้งาน หรืออัพเดตสต็อกสินค้า ฯลฯ
เรามาดูตัวอย่างโค้ดง่าย ๆ ที่ใช้ RabbitMQ เป็น Message Queue และทำงานแบบ EDA
import pika
import json
# ฟังก์ชันที่จะใช้ในการประมวลผล event
def callback(ch, method, properties, body):
print("Received event:", body)
data = json.loads(body)
# Process the data here (e.g., send notification)
print(f"Send notification for order ID: {data['order_id']}")
# เชื่อมต่อกับ RabbitMQ
connection = pika.BlockingConnection(pika.ConnectionParameters('localhost'))
channel = connection.channel()
# สร้าง queue ชื่อ 'order_queue'
channel.queue_declare(queue='order_queue')
# เริ่มการฟัง event จาก 'order_queue'
channel.basic_consume(queue='order_queue',
on_message_callback=callback,
auto_ack=True)
print('Waiting for events. To exit press CTRL+C')
channel.start_consuming()
ในตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าตัวโปรแกรมจะเริ่มฟัง events จาก Message Queue ที่ชื่อว่า 'order_queue' เมื่อมี event ใด ๆ เข้ามา การประมวลผลจะถูกเรียกใช้ในฟังก์ชัน `callback` โดยอัตโนมัติ
การใช้ Event-Driven Architecture ร่วมกับ Message Queue ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาแอปพลิเคชันสมัยใหม่ นอกจากจะช่วยให้ระบบมีความยืดหยุ่นและเสถียรภาพแล้ว ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สนใจและอยากพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมระดับมืออาชีพ การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EDA อาจเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาเนื้อหาความรู้ที่ Expert-Programming-Tutor (EPT) ที่ซึ่งมีหลักสูตรและการเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM