สมัครเรียนโทร. 085-350-7540 , 084-88-00-255 , ntprintf@gmail.com

DevOps

พื้นฐานของ DevOps - DevOps คืออะไร พื้นฐานของ DevOps - ความแตกต่างระหว่าง DevOps และ Agile พื้นฐานของ DevOps - ประโยชน์ของการใช้ DevOps ในการพัฒนาและปล่อยซอฟต์แวร์ พื้นฐานของ DevOps - หลักการ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Deployment) พื้นฐานของ DevOps - Automation ใน DevOps คืออะไร พื้นฐานของ DevOps - ความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการ พื้นฐานของ DevOps - หลักการ Infrastructure as Code (IaC) พื้นฐานของ DevOps - แนวคิด Continuous Testing ใน DevOps พื้นฐานของ DevOps - ความสำคัญของ Monitoring และ Logging ใน DevOps พื้นฐานของ DevOps - การจัดการ Configuration Management DevOps การจัดการ Source Control - Git คืออะไร DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ Git Branching เพื่อแยกการทำงาน DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ Pull Requests และ Code Reviews ใน Git DevOps การจัดการ Source Control - การแก้ไข Merge Conflicts ใน Git DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ Git Tags เพื่อระบุเวอร์ชันซอฟต์แวร์ DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ Git Submodules สำหรับโปรเจกต์ที่มีหลาย Repository DevOps การจัดการ Source Control - การทำงานกับ Git Hooks DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ GitLab, GitHub, หรือ Bitbucket สำหรับการทำงานร่วมกัน DevOps การจัดการ Source Control - การใช้ Version Control แบบ Distributed ใน Git DevOps การจัดการ Source Control - การปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการกับ Commit History DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - Infrastructure as Code (IaC) คืออะไร DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การใช้ Terraform เพื่อจัดการ Infrastructure DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การใช้ Ansible สำหรับ Configuration Management DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การใช้ Chef และ Puppet สำหรับการจัดการ Configuration DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การใช้ AWS CloudFormation ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การจัดการ Infrastructure ด้วย Azure Resource Manager (ARM) DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การทำงานกับ Google Cloud Deployment Manager DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การใช้ Vagrant สำหรับการสร้างและจัดการ Environment แบบจำลอง DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การจัดการ Infrastructure ใน Multi-Cloud ด้วย IaC DevOps การจัดการ Infrastructure as Code (IaC) - การทำ Infrastructure Testing ด้วย Terratest DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - Continuous Integration (CI) คืออะไร DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - Continuous Delivery (CD) คืออะไร DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ Jenkins ในการตั้งค่า CI/CD Pipeline DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ GitLab CI/CD เพื่อจัดการ Pipeline DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ CircleCI เพื่อสร้าง CI/CD Pipeline DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ Travis CI เพื่อจัดการ CI/CD DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ Azure DevOps Pipelines สำหรับ CI/CD DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ Bitbucket Pipelines สำหรับ CI/CD DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การทำงานกับ Jenkinsfile และการเขียน Pipeline แบบ Declarative DevOps การใช้งานและจัดการ CI/CD Pipelines - การใช้ Webhooks ในการเชื่อมต่อระหว่าง Source Control และ CI/CD Tools DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - Containers คืออะไร และข้อดีของการใช้ Containers DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Docker สำหรับการสร้างและจัดการ Containers DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การเขียนและจัดการ Dockerfile DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Docker Compose เพื่อจัดการหลาย Containers DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Kubernetes สำหรับ Container Orchestration DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การเขียนและจัดการ Kubernetes YAML เพื่อสร้าง Deployments DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Helm สำหรับการจัดการ Kubernetes Packages DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Docker Swarm เพื่อทำ Container Orchestration DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ OpenShift ในการจัดการ Kubernetes Clusters DevOps การจัดการ Containerization และ Orchestration - การใช้ Minikube สำหรับการทดสอบ Kubernetes Local Cluster DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Ansible Playbooks เพื่อจัดการ Configuration DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Chef Recipes และ Cookbooks ในการจัดการ Configuration DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การจัดการกับ Puppet Manifests DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ SaltStack เพื่อทำ Configuration Management DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Packer เพื่อสร้าง Machine Images อัตโนมัติ DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Jenkins และ Ansible ร่วมกันเพื่อทำ Automation DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การจัดการ Configuration บน Cloud ด้วย AWS Systems Manager DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Ansible Vault เพื่อจัดการ Secrets DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การใช้ Rundeck สำหรับ Orchestration Automation DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การสร้าง Automation Scripts ด้วย Bash หรือ Python DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - พื้นฐานของ Networking สำหรับ DevOps DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การใช้ Load Balancer เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การใช้ Reverse Proxy เช่น Nginx หรือ HAProxy DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การทำงานกับ VPN และการตั้งค่าความปลอดภัยในระบบเครือข่าย DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การทำ DNS Management ด้วย Route 53 DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ SSL/TLS Certificates DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การใช้ HTTPS ในการรักษาความปลอดภัยของเว็บแอปพลิเคชัน DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การทำงานกับ Secrets Management ด้วย HashiCorp Vault DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การใช้ Firewall และการตั้งค่า Security Groups บน AWS DevOps การจัดการระบบเครือข่ายและความปลอดภัย - การใช้ Network Policies ใน Kubernetes DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ AWS ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ Azure ในการจัดการ Infrastructure DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ Google Cloud Platform (GCP) ในการจัดการ Infrastructure DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การตั้งค่า Virtual Private Cloud (VPC) ใน AWS DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ IAM (Identity and Access Management) ใน Cloud DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การตั้งค่า Auto Scaling ใน AWS DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ AWS Lambda สำหรับ Serverless Computing DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ Google Cloud Functions สำหรับ Serverless DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การจัดการ Multi-Region และ Multi-Zone Deployments บน Cloud DevOps การทำงานกับ Cloud Providers - การใช้ CloudWatch ในการ Monitoring บน AWS DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ Prometheus และ Grafana ในการ Monitoring DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ ELK Stack (Elasticsearch, Logstash, Kibana) สำหรับ Logging DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ Fluentd ในการจัดการ Logs DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ Datadog เพื่อ Monitoring และ Log Management DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ AWS CloudWatch สำหรับ Monitoring DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การตั้งค่า Alerting และ Monitoring ใน Prometheus DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ New Relic ในการ Monitoring Application Performance DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การทำ Application Performance Management (APM) ด้วย AppDynamics DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การวิเคราะห์และเก็บ Metrics ของ Kubernetes Cluster DevOps การทำ Monitoring และ Logging - การใช้ Nagios หรือ Zabbix ในการ Monitoring ระบบเครือข่ายและเซิร์ฟเวอร์ การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การบูรณาการ Security เข้ากับ CI/CD Pipeline (DevSecOps) การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ Snyk เพื่อสแกนหาช่องโหว่ใน Dependencies การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ Clair เพื่อสแกนหา Vulnerabilities ใน Docker Images การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ SonarQube เพื่อทำ Static Code Analysis การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การจัดการความปลอดภัยใน AWS Security Groups การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ AWS Inspector เพื่อสแกนหาช่องโหว่ในระบบ การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ HashiCorp Vault เพื่อจัดการ Secrets การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การทำ Compliance Auditing ใน DevOps การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การทำ Security Testing อัตโนมัติใน CI/CD Pipeline การทำงานกับ Security ใน DevOps (DevSecOps) - การใช้ Kubernetes RBAC (Role-Based Access Control)

DevOps การจัดการ Configuration Management และ Automation - การจัดการกับ Puppet Manifests

 

ในยุคที่การพัฒนาและการส่งมอบซอฟต์แวร์ต้องการความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด DevOps ได้กลายเป็นกระบวนทัศน์ที่สำคัญที่องค์กรเทคโนโลยีต่างๆ ทั่วโลกนำมาปรับใช้ DevOps ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการ โดยมีความตั้งใจสำหรับการส่งมอบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงและออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญของ DevOps คือ การจัดการ Configuration Management และ Automation ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูการใช้งาน Puppet ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมในการจัดการ Configuration Management โดยเฉพาะในส่วนของ Puppet Manifests

 

Configuration Management และ Automation คืออะไร?

Configuration Management (CM) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการจัดการและรักษาความคงที่ของระบบคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้ตรงกับที่วางแผนและการเปลี่ยนแปลงในระบบจะได้รับการตรวจสอบและบันทึกไว้อย่างถูกต้อง ส่วน Automation คือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้กระบวนการที่ซับซ้อนดำเนินไปโดยอัตโนมัติ ลดความผิดพลาดจากการทำด้วยมือ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

 

Puppet คืออะไร?

Puppet เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการจัดการ Configuration Management ซึ่งช่วยให้สามารถกำหนดค่าและจัดการการตั้งค่าของระบบเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างง่ายดาย Puppet สามารถตรวจสอบและจัดการกับสถานะของระบบโดยใช้ "manifest" ซึ่งเป็นไฟล์ที่เขียนด้วยภาษา DSL (Domain Specific Language) ของ Puppet ที่ช่วยกำหนดสภาวะของระบบ

 

การจัดการกับ Puppet Manifests

Puppet Manifests เป็นหัวใจสำคัญของการจัดการ Configuration Management ใน Puppet โค้ดที่เขียนใน Manifests จะประกอบไปด้วยคำสั่งที่บอก Puppet ว่าจะต้องทำการตั้งค่าอะไรในระบบเซิร์ฟเวอร์บ้าง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการเขียน Manifest เบื้องต้น


node 'example_node' {
  package { 'apache2':
    ensure => installed,
  }

  service { 'apache2':
    ensure => running,
    enable => true,
  }

  file { '/var/www/html/index.html':
    ensure  => present,
    content => "<html><body><h1>Welcome to Puppet Managed Server</h1></body></html>",
    mode    => '0644',
    owner   => 'root',
    group   => 'root',
  }
}

ในตัวอย่างข้างต้น เราได้กำหนดการติดตั้ง Apache2 และทำให้แน่ใจว่ามันกำลังทำงานอยู่ พร้อมทั้งสร้างไฟล์ `index.html` ที่มีเนื้อหาสำหรับโชว์หน้าเว็บอย่างง่ายๆ โดยกำหนดสิทธิ์และเจ้าของไฟล์ไว้

 

การประยุกต์ใช้ในองค์กร

องค์กรขนาดใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ Puppet ในการจัดการระบบที่มีความซับซ้อนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เช่น การติดตั้งแพตช์ การปรับแต่งการตั้งค่าซอฟต์แวร์ หรือการอัพเดทโปรแกรมต่างๆ การที่ Puppet สามารถดำเนินการโดยอัตโนมัติช่วยลดภาระงานของทีม IT เพิ่มความเร็วในการดำเนินการงาน และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากการทำด้วยมือ

 

ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Puppet

ข้อดี:

1. ความคงที่และมาตรฐาน: Puppet ช่วยให้การจัดการเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องเป็นไปด้วยความคงที่ ลดความเสี่ยงจากความพลั้งพลาด 2. การควบคุมแบบศูนย์กลาง: ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการตั้งค่าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จากศูนย์กลางโดยไม่ต้องเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวโดยตรง 3. ความสามารถในการขยายตัว: Puppet สามารถจัดการเซิร์ฟเวอร์ที่มีจำนวนมากยิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย:

1. ความซับซ้อนของภาษา: การเรียนรู้ภาษา DSL ของ Puppet อาจจะยุ่งยากสำหรับผู้เริ่มต้น 2. การตั้งค่าเริ่มต้น: จำเป็นต้องใช้เวลาในการติดตั้งและปรับแต่งครั้งแรก 3. ค่าใช้จ่าย: สำหรับองค์กรที่ต้องการใช้ Puppet Enterprise อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

การนำ Puppet Manifests มาใช้ในการจัดการ Configuration Management อาจจะต้องใช้เวลาและการเรียนรู้ในขั้นต้น แต่จะมีความคุ้มค่าในระยะยาว หากคุณสนใจในการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและการจัดการระบบ แนะนำลองศึกษาการจัดการระบบผ่าน Puppet เพิ่มเติม ซึ่งเป็นทักษะที่มีค่ามากในองค์กรขนาดใหญ่

สุดท้ายนี้ หากคุณคือผู้ที่หลงใหลในโลกของการเขียนโปรแกรมและอยากพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญด้าน DevOps หรือต้องการที่ปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการด้วย Puppet หรือเครื่องมืออื่นๆ ทาง EPT (Expert-Programming-Tutor) พร้อมยินดีที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายความสำเร็จในสายอาชีพที่คุณชื่นชอบด้วยหลักสูตรที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.

 

 

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง

หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/


Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android


บทความนี้อาจจะมีที่ผิด กรุณาตรวจสอบก่อนใช้

หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor

ไม่อยากอ่าน Tutorial อยากมาเรียนเลยทำอย่างไร?

สมัครเรียน ONLINE ได้ทันทีที่ https://elearn.expert-programming-tutor.com

หรือติดต่อ

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM

แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา

แผนผังการเรียนเขียนโปรแกรม

Link อื่นๆ

Allow sites to save and read cookie data.
Cookies are small pieces of data created by sites you visit. They make your online experience easier by saving browsing information. We use cookies to improve your experience on our website. By browsing this website, you agree to our use of cookies.

Copyright (c) 2013 expert-programming-tutor.com. All rights reserved. | 085-350-7540 | 084-88-00-255 | ntprintf@gmail.com

ติดต่อเราได้ที่

085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM
แผนที่ ที่ตั้งของอาคารของเรา