ในปัจจุบันโลกของการพัฒนาซอฟต์แวร์ การทดสอบเป็นขั้นตอนที่ไม่อาจละเลยได้ หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการทดสอบซอฟต์แวร์คือ Unit Testing ซึ่งเป็นการทดสอบที่มุ่งเน้นตรวจสอบการทำงานของแต่ละหน่วยงานหรือฟังก์ชั่นในโปรแกรมอย่างละเอียด ยิ่งถ้าคุณเป็นโปรแกรมเมอร์ การทำ Unit Testing นอกจากจะส่งเสริมให้โค้ดของคุณมีคุณภาพสูงแล้ว ยังช่วยให้คุณสามารถตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดได้รวดเร็วกว่าการไม่ทดสอบเลย
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับการใช้ฟังก์ชั่นพื้นฐานสองตัวของ Unit Testing ที่สำคัญ นั่นก็คือ `assertTrue()` และ `assertFalse()` ซึ่งถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายภาษา เช่น Python, Java, และ C# เป็นต้น
ก่อนจะลงลึกไปถึงรายละเอียดการใช้งาน เราขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับคำว่า Unit Testing ก่อนสักเล็กน้อย
Unit Testing คือการทดสอบโค้ดในระดับหน่วยเล็กที่สุดของโปรแกรมหรือโมดูล โดยทั่วไปมักจะเป็นฟังก์ชั่นหรือเมธอด โดยมีจุดประสงค์หลักคือ เพื่อให้แน่ใจว่าในแต่ละฟังก์ชั่นนั้นสามารถทำงานได้ถูกต้องตามที่คาดหวังไว้
ข้อดีของ Unit Testing
1. ตรวจจับข้อผิดพลาดได้รวดเร็ว - ช่วยให้สามารถตรวจพบและแก้ไขข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ 2. ลดความซับซ้อนในการแก้ไขโค้ด - เมื่อแต่ละส่วนของโปรแกรมถูกทดสอบอย่างละเอียดแล้ว ทำให้เข้าใจการทำงานของระบบได้ง่ายขึ้น 3. บำรุงรักษาโค้ดได้ง่าย - ช่วยในการบำรุงรักษาโค้ดในระยะยาว ทำให้มั่นใจว่าโค้ดเก่ายังคงทำงานได้เป็นปกติหลังจากการเปลี่ยนแปลง
การใช้ `assertTrue()` และ `assertFalse()` เป็นเรื่องง่ายเมื่อได้รับการอธิบายให้ชัดเจน มันคือการทดสอบเงื่อนไขทางตรรกศาสตร์ ผู้ทดสอบใช้เพื่อยืนยันว่าเงื่อนไขที่ตรวจสอบนั้นถูกต้องตามที่คาดหวัง
assertTrue()
ฟังก์ชั่น `assertTrue()` ถูกใช้เมื่อคุณคาดหวังว่าเงื่อนไขที่จะตรวจสอบนั้นจะต้องให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นจริง (True) หากผลลัพธ์ของเงื่อนไขนั้นเป็นจริง การทดสอบก็จะผ่านไปโดยราบรื่น แต่ถ้าไม่เป็นจริง การทดสอบจะล้มเหลว
ตัวอย่างโค้ดใน Python:
import unittest
def is_positive(number):
return number > 0
class TestMathOperations(unittest.TestCase):
def test_is_positive(self):
self.assertTrue(is_positive(5)) # สำหรับเลขบวก ผลลัพธ์ควรจะเป็น True
self.assertTrue(is_positive(1)) # สำหรับเลข 1 ผลลัพธ์ควรจะเป็น True
if __name__ == '__main__':
unittest.main()
ในโค้ดนี้เราทดสอบฟังก์ชั่น `is_positive()` ที่ตรวจสอบว่าเลขที่ป้อนเข้ามานั้นเป็นเลขบวกใช่หรือไม่ การทดสอบจะผ่านถ้าค่าที่ส่งเข้าไปคือ 5 และ 1 เนื่องจากทั้งสองเป็นบวก
assertFalse()
ฟังก์ชั่น `assertFalse()` ตรงข้ามกับ `assertTrue()` โดยคุณจะใช้มันเพื่อยืนยันว่าเงื่อนไขนั้นควรเป็นเท็จ (False) อย่างแน่นอน หากเงื่อนไขที่ตรวจสอบเป็นเท็จ การทดสอบจะผ่าน แต่ถ้าผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด การทดสอบจะล้มเหลวทันที
ตัวอย่างโค้ดใน Python:
import unittest
def is_even(number):
return number % 2 == 0
class TestMathOperations(unittest.TestCase):
def test_is_even(self):
self.assertFalse(is_even(3)) # สำหรับเลขคี่ 3 ผลลัพธ์ควรเป็น False
self.assertFalse(is_even(7)) # สำหรับเลขคี่ 7 ผลลัพธ์ควรเป็น False
if __name__ == '__main__':
unittest.main()
โค้ดทดสอบนี้ทำการทดสอบฟังก์ชั่น `is_even()`, ที่ใช้ในการตรวจสอบว่าเลขที่ป้อนเข้ามานั้นเป็นเลขคู่หรือไม่ การทดสอบจะสำเร็จถ้าเลข 3 และ 7 ผลลัพธ์เป็น False (เนื่องจากเลขคี่)
Unit Testing โดยเฉพาะการใช้ assert ต่างๆ ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในหลายๆ บริษัทที่ส่งเสริมการใช้ TDD (Test-Driven Development) ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้โปรแกรมเมอร์ต้องเขียนเทสก่อนเขียนฟังก์ชั่นจริง ยิ่งช่วยให้สามารถลดข้อผิดพลาดที่มองไม่เห็นในฟังก์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อน
`assertTrue()` และ `assertFalse()` เป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่ทรงพลังในคลังแสง Unit Testing ของคุณ เพราะมันช่วยยืนยันว่าโค้ดที่คุณเขียนนั้นทำงานได้ตามที่คุณคาดหวัง แล้วการทดสอบยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพสูง
ไม่ว่าคุณจะเป็นโปรแกรมเมอร์มือใหม่หรือมืออาชีพ การมีความรู้ในเรื่อง Unit Testing อย่างเต็มเปี่ยมจะเป็นประโยชน์แน่นอน หากคุณสนใจที่จะศึกษาการเขียนโปรแกรมและการทดสอบเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะเรียนรู้จากสถาบันต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ เช่น EPT ที่มีครูสอนที่เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์และพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอน
โดยไม่ว่าคุณจะต้องการปรับปรุงทักษะการเขียนโปรแกรม หรือเพียงแค่ต้องการเพิ่มพูนความเข้าใจเกี่ยวกับ Unit Testing การเตรียมตัวอย่างดีจะทำให้ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม!
หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้อาจจะผิด โปรดตรวจสอบความถูกต้องของบทความอีกครั้งหนึ่ง บทความนี้ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้ ทาง EPT ไม่ขอยืนยันความถูกต้อง และไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดที่เกิดจากบทความชุดนี้ทั้งทางทรัพย์สิน ร่างกาย หรือจิตใจของผู้อ่านและผู้เกี่ยวข้อง
หากเจอข้อผิดพลาด หรือต้องการพูดคุย ติดต่อได้ที่ https://m.me/expert.Programming.Tutor/
Tag ที่น่าสนใจ: java c# vb.net python c c++ machine_learning web database oop cloud aws ios android
หากมีข้อผิดพลาด/ต้องการพูดคุยเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทความนี้ กรุณาแจ้งที่ http://m.me/Expert.Programming.Tutor
085-350-7540 (DTAC)
084-88-00-255 (AIS)
026-111-618
หรือทาง EMAIL: NTPRINTF@GMAIL.COM